เนื้อหาสาระข่าวและบทวิเคราะห์: ในกลางสัปดาห์หน้านี้คาดว่าน่าจะเป็นวันที่พิเศษสำหรับใครหลายคน หรืออย่างน้อยก็สำหรับคนที่มีคู่รัก คู่ครอง เนื่องจากวันวาเลนไทน์ซึ่งเป็นวันแห่งความรักนั้นกำลังจะมาถึง แต่ก็คล้ายกับวันสำคัญอื่น ๆ ที่มีอีกจำนวนไม่น้อยที่อาจจะไม่ได้รู้สึกมีส่วนร่วมหรือให้ความสำคัญกับวันพิเศษเหล่านั้น และทำให้แต่ละคนเลือกที่จะฉลองวันพิเศษในแบบที่เหมาะสมกับตัวเองซึ่งมีความแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามนอกเหนือไปจากความรู้สึกภายในจิตใจของแต่ละคนแล้วนั้น ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ อาทิ ปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นต้นนั้น ก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจเลือกวิธีหรือแนวทางการฉลองวันแห่งความรัก โดยในสัปดาห์นี้เราจะมาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคชาวอเมริกันในวันวาเลนไทน์ โดยอาศัยวิธีการทางประชากรศาสตร์เข้ามาเป็นเครื่องมือในการจำแนกและอธิบาย เพื่อให้เกิดความเข้าใจแนวโน้มการบริโภคในสหรัฐฯ สำหรับโอกาสพิเศษนี้
ผลการสำรวจจากสำนัก Civic Science องค์กรที่เชี่ยวชาญด้านการเก็บผลสำรวจปัจจัยเชิงสังคม-การเมือง-เศรษฐกิจ-วัฒนธรรมต่อประเด็นทางสังคมของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในการฉลองวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ ในสามประเด็นสำคัญ ได้แก่
- การวางแผนวิธีการฉลองวันวาเลนไทน์ปีนี้
ในปีนี้ชาวอเมริกันกว่าร้อยละ 50 มีแผนในใจที่จะฉลองวันวาเลนไทน์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 2 ซึ่งในจำนวนนี้ ชาวอเมริกันกว่าร้อยละ 40 เลือกที่จะฉลองอยู่ที่บ้าน โดยจะหากิจกรรมพิเศษทำร่วมกันแทนที่จะต้องออกไปฉลองข้างนอก ในขณะที่มีจำนวนร้อยละ 22 ยังคงเลือกที่จะออกไปฉลองกันที่ร้านอาหาร หรือบาร์ที่บรรยากาศดี และอีกร้อยละ 16 เลือกที่ฉลองวันแห่งรักไปกับครอบครัวหรือกับเพื่อน โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าในปีนี้ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่ามีผู้คนที่เลือกจะฉลองกับเพื่อนหรือครอบครัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว
แผนภาพที่1:แสดงผลการสำรวจการวางแผนรูปแบบ/วิธีการฉลองวันวาเลนไทน์ปีนี้ของชาวอเมริกัน โดยผลการตอบแบบสำรวจ 1,080 รายที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป เมื่อวันที่ 1 – 6 กุมภาพันธ์ 2567
- แนวโน้มที่จะซื้อของขวัญให้กับตัวเอง
เมื่อเทียบกับผลการสำรวจผู้บริโภคเพศหญิงในปีที่ผ่านมาถึงแนวโน้มที่จะซื้อของขวัญให้กับตัวเอง พบว่าผลการสำรวจในปีนี้ผู้บริโภคเพศหญิงซึ่งให้คำตอบในกลุ่มที่ถือว่ามีแนวโน้ม (คำตอบ มีแนวโน้มสูง and คิดว่าน่าจะ ในแผนภาพที่2) เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 9 โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 31 มาเป็น 40 โดยข้อสังเกตที่น่าสนใจที่ว่า ในจำนวนนี้มีผู้หญิงประมาณร้อยละ 40 ที่มีสถานะโสดและ/หรือไม่เคยแต่งงาน ในขณะที่อีกมากกว่าร้อยละ 40 นั้นแต่งงานแล้ว ทำให้เห็นซึ่งความนิยมของผู้หญิงสมัยใหม่ที่เลือกจะซื้อของขวัญให้ตัวเองมากขึ้น ในส่วนของผู้ชายก็มีปริมาณถึงร้อยละ 35 ที่มีแนวโน้มจะซื้อของขวัญให้กับตัวเองเช่นกัน
แผนภาพที่ 2:แสดงผลการสำรวจความคิดเห็นในการซื้อของขวัญให้ตัวเองในวันวาเลนไทน์ปีนี้ของหญิงชาวอเมริกันที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี โดยผลการตอบแบบสำรวจ 1,082 เมื่อวันที่ 1 – 6 กุมภาพันธ์ 2567, ผลการตอบแบบสำรวจ 1,606 ราย เมื่อวันที่ 6 – 10 กุมภาพันธ์ 2566 และ ผลการตอบแบบสำรวจ 2,033 ราย เมื่อวันที่ 31 มกราคม – 7 กุมภาพันธ์ 2565
- ถ้าจะซื้อของขวัญให้กับตัวเอง คิดว่าจะซื้ออะไร
แผนภาพที่3:แสดงผลการสำรวจตัวเลือกในการซื้อของขวัญให้ตัวเองในวันวาเลนไทน์ปีนี้ของชาวอเมริกันที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จากผลการตอบแบบสำรวจ 894 ราย เมื่อวันที่ 7 – 8 กุมภาพันธ์ 2567
ชุดคำถามที่ต่อเนื่องกันจากหัวข้อที่ 2 ในข้างต้น ว่าหากคุณมีแผนที่จะซื้อของขวัญให้กับตัวเอง หรือมีแผนที่จะฉลองวันวาเลนไทน์นี้กับตัวเอง คุณจะใช้จ่ายเงินไปกับการซื้อสินค้าหรือทำกิจกรรมใด จากผลการสำรวจพบว่าในกลุ่มของคนที่มีแผนอยู่แล้วนั้น เลือกที่จะจ่ายให้กับมื้ออาหารที่หรูหราราคาแพงมากที่สุด ที่ร้อยละ 22 อันดับต่อมาคือการเลือกซื้อสินค้าเสื้อผ้าที่มีแฟชันดีไซน์ราคาแพงร้อยละ 16 และการเข้าสปาดูแลผิวพรรณหรือร้านทำผมเป็นตัวเลือกอันดับที่ 3 โดยอยู่ที่ร้อยละ 13 และตัวเลือกอื่น ๆ ตามลำดับที่ปรากฎในแผนภาพข้างต้น
นอกจากนี้สำหรับการฉลองทั่วไป ในส่วนของพฤติกรรมการใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพื่อการฉลองวันวาเลนไทน์นั้น จากการสำรวจโดย Empower บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนชื่อดังของสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายในการฉลองวันแห่งความรักปีนี้ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เลือกดูจะมีทิศทางที่ค่อนข้างประหยัดการใช้เงินมากกว่า ดังจะเห็นได้ว่ากว่าร้อยละ 30 บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าจะเลือกซื้อของขวัญที่ราคาถูก อีกกว่าร้อยละ 16 จะเลือกซื้อสินค้าที่สามารถใช้คูปองส่วนลดได้ มีบางส่วน (ร้อยละ 10) เลือกที่จะทำของขวัญเป็นการ์ด DIY ขึ้นมาเอง และอีกกว่าร้อยละ 20 มีความคิดที่จะไปฉลองในวันอื่นแทนเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่าย
แผนภาพที่4 :แสดงผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายเพื่อฉลองวันวาเลนไทน์ปีนี้ของชาวอเมริกัน จากผลการตอบแบบสำรวจ 1,008 ราย เมื่อวันที่ 9 – 11 มกราคม 2567
หากพิจารณาพฤติกรรมการใช้จ่ายโดยจำแนกตามช่วงวัยของผู้บริโภค พบว่าภาพรวมในการใช้จ่ายสำหรับการซื้อของขวัญและทานข้าวนอกบ้านระหว่างผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z (อายุไม่เกิน 27 ปี) และกลุ่ม Gen X (อายุ 44 – 59) แตกต่างกันเพียง 2 เหรียญสหรัฐฯ โดยกลุ่ม Gen X มีปริมาณเงินที่คาดว่าจะใช้จ่ายสูงกว่า ขณะที่มีกลุ่ม Millennials (อายุ 28 – 43 ปี) มีปริมาณเงินที่คาดว่าจะใช้จ่ายสูงที่สุดอยู่ที่ 145 เหรียญสหรัฐฯ และกลุ่ม Baby Boomer (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มีปริมาณเงินที่คาดว่าจะใช้จ่ายน้อยที่สุด
แผนภาพที่5 :แสดงผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายเพื่อฉลองวันวาเลนไทน์ปีนี้ของชาวอเมริกัน เปรียบเทียบระหว่าง 4 กลุ่มช่วงวัย จากผลการตอบแบบสำรวจ 1,008 ราย เมื่อวันที่ 9 – 11 มกราคม 2567
สำหรับปริมาณเงินที่คาดว่าจะใช้จ่ายโดยเฉลี่ยสำหรับการฉลองวันวาเลนไทน์ในสหรัฐฯ จากผลการสำรวจเพื่อจัดอันดับรัฐที่มีความโรแมนติกที่สุด (Most Romantic States) ในสหรัฐฯ โดย Bookies.com ซึ่งจัดลำดับโดยพิจารณาจาก 1. ปริมาณครั้งที่ถูกค้นหาใน Google Search (Google Trend) 2. อัตราการแต่งงานภายในรัฐ และ 3.ปริมาณเงินที่ใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์ พบว่ารัฐที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นรัฐที่มีความโรแมนติกที่สุดคือรัฐนอร์ท ดาโกตา (North Dakota) ซึ่งปรากฎปริมาณเงินที่คาดว่าจะใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์เฉลี่ยอยู่ที่ 147.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน ขณะที่รัฐที่ถูกจัดอยู่อันดับท้ายสุดเป็นของรัฐโอเรกอน (Oregon) โดยปริมาณเงินที่คาดว่าจะใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์เฉลี่ยอยู่ที่ 54.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน ทั้งนี้ ในภาพรวมของทุกรัฐนั้น รัฐที่มีปริมาณเงินที่คาดว่าจะใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์สูงที่สุดคือรัฐแคนซัส (Kansas) ซึ่งอยู่ที่ 159.79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน และรัฐที่มีปริมาณเงินที่คาดว่าจะใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์น้อยที่สุดคือรัฐนิวแฮมเชียร์ (New Hampshire) ซึ่งอยู่ที่ 42.34 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคน โดยในแต่ละรัฐมีค่าเฉลี่ยที่แตกต่างกันไปตามขนาดเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ และจำนวนประชากร ซึ่งสามารถพิจารณาได้ตามข้อมูลในแผนภาพที่ 6 ด้านล่างนี้
แผนภาพที่ 6: แสดงปริมาณเงินที่คาดว่าจะใช้จ่ายโดยเฉลี่ยสำหรับการฉลองวันวาเลนไทน์ในสหรัฐฯ โดยจำแนกรายรัฐ
ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: องค์ประกอบในการพิจารณาภาพรวมของพฤติกรรมผู้บริโภคที่หยิบยกมาอธิบายในบทวิเคราะห์นี้ ประกอบด้วยช่วงวัย เพศ สถานะ และความสำคัญต่อจิตใจของผู้บริโภคที่เชื่อมโยงกับพฤติกรรม ความเหมาะสม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการเลือกสินค้าและบริการแต่ละประเภทเพื่อการฉลองโอกาสพิเศษ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคแต่ละกลุ่มมีความนิยมต่างกันไป อีกทั้งปัจจัยเสริมที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาวะเงินเฟ้อ และค่าครองชีพในปัจจุบันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเมืองและรัฐที่อาศัยที่จะมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการสำหรับโอกาสการฉลองวันพิเศษซึ่งมิใช่ความจำเป็นเหมือนสินค้าปัจจัย 4 โดยทั้งหมดล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่นักการตลาด นักธุรกิจ ตลอดจนผู้ประกอบการที่สนใจตลาดสินค้าของขวัญในสหรัฐฯ ควรทำความเข้าใจ เพื่อประโยชน์ในการประยุกต์และปรับใช้กลยุทธ์ทางการตลาด ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในสหรัฐฯ ต่อไป
ที่มา: Civic Science
Subject: “Be Your Own Valentine: More Women Are Buying Gifts for Themselves This Valentine’s Day”
โดย: Laurnie Wilson
สคต. ไมอามี /วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567