ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดสหรัฐฯ

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ มีผู้ผลิตรถยนต์เข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้นส่งผลให้มีรุ่นรถยนต์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างไรก็ดี ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ากลับน้อยลง ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดที่หดตัวลง

 

ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด Kelley Blue Book พบว่า ไตรมาสแรกของปี 2567 รถยนต์ไฟฟ้าในตลาดสหรัฐฯ มียอดจำหน่ายที่ 269,000 คัน ซึ่งเติบโตร้อยละ 2.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ลดลงร้อยละ 7.3 จากไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของ Tesla ลดลงจากร้อยละ 62 ในช่วงต้นปี 2566 เป็นร้อยละ 51 ในเดือนมีนาคม 2567 นี้

 

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดสหรัฐฯ

 

Tesla เสียส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรม

จากที่นายอีลอน มัสก์ได้กล่าวกับพนักงานว่า บริษัทมีแผนที่จะลดพนักงานร้อยละ 10 ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ทำให้ราคาหุ้นของ Tesla ลดลงร้อยละ 30 ในปี 2567 นี้ ส่งผลให้มูลค่าของบริษัทลดลงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ยอดขายของ Tesla ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า   ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่มียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว รวมทั้งผู้เล่นเดิมในตลาดอย่างบริษัท Hyundai บริษัท Mercedes และบริษัท BMW ก็มียอดขายเพิ่มขึ้นจากการชิงส่วนแบ่งการตลาดจาก Tesla

 

ยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ โดยไม่รวม Tesla อยู่ที่ 161,630 คัน ณ ไตรมาสที่ 1 ปี 2566 และลดลงอยู่ที่ 140,187 คันในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 หรือลดลงร้อยละ 13.3 จากช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัท Ford เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 7.4 ในปี 2567 จากร้อยละ 4.2 ในปี 2566 ทำให้บริษัท Ford เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 2 ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ในเดือนมีนาคม 2567 บริษัท Ford ได้ประกาศลดกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองกับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ชะลอตัวลง

 

ราคารถยนต์ที่ปรับตัวลง

ราคารถยนต์ไฟฟ้าเฉลี่ยของตลาดในไตรมาสแรกของปี 2567 อยู่ที่ 55,167 ดอลลาร์สหรัฐหรือลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และลดลงร้อยละ 3.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 โดยบริษัท Tesla เป็นผู้นำในการลดราคารถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก โดยราคารถยนต์เฉลี่ยของ Tesla อยู่ที่ 52,315 ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ซึ่งลดลงร้อยละ 13.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

 

ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นจึงได้ลดราคารถยนต์ไฟฟ้าลงเช่นเดียวกับผู้นำตลาดอย่าง Tesla รวมทั้งสร้างแรงจูงใจให้แก่ตัวแทนจำหน่ายในการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ทุกประเภท ซึ่งทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว

 

ทั้งนี้ การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากนโยบายการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของประธานาธิบดีไบเดน โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนผ่านมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของรถยนต์ทั้งหมดที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ภายในปี 2573 ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนดังกล่าวยังไม่ถึงร้อยละ 20 ของการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่

 

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดสหรัฐฯ

 

การนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ของสหรัฐฯ

ข้อมูลของ Global Trade Atlas พบว่ามูลค่าการนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์ของสหรัฐฯ จากทั่วโลกปี 2566 อยู่ที่ 85,537 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.49 จากปี 2565 โดยปี 2566 เป็นการนำเข้าจากประเทศไทยอยู่ที่ 1,040 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือลดลงร้อยละ 12.86 จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดี การเติบโตของการนำเข้าจากไทยของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 10.27 ซึ่งมากกว่าการเติบโตการนำเข้าจากทั่วโลกของสหรัฐฯ ที่อยู่ที่ร้อยละ 8.05

 

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดสหรัฐฯ

 

ข้อเสนอแนะของสคต. นิวยอร์ก

ถึงแม้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มจะหดตัวลงจากความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ลดลง แต่กลับมีการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากมีผู้เล่นเข้ามาในตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ๆ สามารถช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดจากผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla ได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจึงควรติดตามข่าวสารและสถานการณ์ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อประกอบการตัดสินใจในการวางแผนการดำเนินงานและแผนกลยุทธ์ธุรกิจให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

 

ข้อมูลอ้างอิง: NYTimes, Kelley Blue Book

en_USEnglish