ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา สภาการออกแบบและพัฒนายานยนต์แห่งชาติไนจีเรียได้เพิ่มความพยายามในการลดการพึ่งพาชิ้นส่วนยานยนต์นำเข้าของไนจีเรียซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นผลมาจากการที่ต้องสูญเสียเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อการนำเข้าสินค้าดังกล่าวซึ่งผู้อำนวยการใหญ่สภาการออกแบบฯ กล่าวระหว่างการจัดงานโครงการฝึกอบรมทักษะการออกแบบยานยนต์ซอฟต์แวร์ Midas NFX ที่จัดขึ้นในกรุงอาบูจาโดยวิพากษ์วิจารณ์ข้อเท็จจริงที่ว่าไนจีเรียใช้จ่ายเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปีในการนำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาทักษะความสามารถในการออกแบบและการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ขั้นสูงในประเทศเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและลดการพึ่งพาการนำเข้า
การปรับปรุงภาคส่วนยานยนต์ของไนจีเรียให้ทันสมัยต้องมีเครื่องมือขั้นสูงอำนวยความสะดวกในการออกแบบและจำลองส่วนประกอบยานยนต์ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเลือกใช้วัสดุและตอบสนองความต้องการการผลิตที่แม่นยำซึ่งซอฟต์แวร์นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงภูมิทัศน์การผลิตยานยนต์ของไนจีเรียให้ทันสมัยโดยโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อฝึกอบรมวิศวกร 100 คนภายในปีหน้าให้มีทักษะที่สำคัญซึ่งเชื่อมช่องว่างระหว่างความรู้เชิงทฤษฎีและการประยุกต์ใช้จริงด้วยการส่งเสริมนวัตกรรมภายในอุตสาหกรรมซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความเชี่ยวชาญในท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังปูทางไปสู่การผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ที่มีคุณภาพในท้องถิ่นซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศได้ และการฝึกอบรมไม่ได้จำกัดอยู่แค่พนักงานของสภาการออกแบบฯ เท่านั้น แต่ยังเปิดกว้างสำหรับผู้เข้าร่วมภาคเอกชนที่อาจไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรขั้นสูงดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ แม้ไนจีเรียจะมีความก้าวหน้าในการผลิตน้ำมันหล่อลื่นในท้องถิ่น แต่ก็ยังมีโอกาสมากมายที่จะใช้ประโยชน์จากบุคลากรในท้องถิ่นเพื่อออกแบบและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ซึ่งความพยายามดังกล่าวอาจช่วยกระตุ้นการสร้างงานและขับเคลื่อนการพึ่งพาตนเองได้โดยยังมีศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ในภาคส่วนยานยนต์ของไนจีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตส่วนประกอบ เช่น แบตเตอรี่ ผ้าเบรก และไส้กรอง เป็นต้น
อนึ่ง ไนจีเรียยืนอยู่บนทางแยกสำคัญของภาคส่วนชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ของประเทศซึ่งมีรายได้ต่อปีประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ถึง 900 ล้านดอลลาร์โดยมีพลังแฝงที่จะกลายมาเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ศักยภาพนี้ยังคงไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เนื่องจากการผลิตในท้องถิ่นมีน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย ทำให้ประเทศต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ไนจีเรียมีข้อได้เปรียบมากมายโดยมีวัตถุดิบสำคัญ เช่น หนัง สิ่งทอ ยาง เหล็ก เหล็กกล้า อลูมิเนียม พลาสติก และอีลาสโตเมอร์ นอกจากนี้ ในยุคของรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเฟื่องฟู ไนจีเรียยังมีทรัพยากรที่สำคัญ เช่น โคบอลต์ ลิเธียม แมงกานีส บอกไซต์ และกราไฟต์ซึ่งทรัพยากรเหล่านี้สามารถทำให้ไนจีเรียเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ในอุดมคติได้
การเปลี่ยนแปลงไนจีเรียให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ต้องมีนโยบายเชิงกลยุทธ์และความคิดริเริ่มที่มีจุดมุ่งหมายซึ่งรวมถึงการสนับสนุนการลงทุนในการผลิตในท้องถิ่น การให้แรงจูงใจแก่ผู้ผลิตในประเทศ และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนสาธารณะและเอกชน การลงทุนด้านการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะมีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้แน่ใจว่ามีแรงงานที่มีความสามารถที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปข้างหน้า และบทบาทของรัฐบาลในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีความสำคัญยิ่งโดยที่เส้นทางข้างหน้านั้นชัดเจน ด้วยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่มากมายและเรียนรู้จากความสำเร็จของเพื่อนบ้านในแอฟริกาซึ่งไนจีเรียสามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์จากยักษ์ใหญ่ที่หลับใหลให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่ขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจได้
ประธานคณะกรรมการบริหารของสมาคมผู้จำหน่ายรถยนต์มีความเห็นว่าการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศไนจีเรียจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า รักษาอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไนจีเรีย รวมทั้งจะสร้างโอกาสในการจ้างงานให้กับชาวไนจีเรีย และปลูกฝังภาคส่วนยานยนต์ที่สามารถพึ่งพาตนเองและมีขีดความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ไนจีเรียเน้นย้ำว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยย้ำว่าไนจีเรียมีทรัพยากรที่จำเป็นในการสนับสนุนภาคส่วนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ หนังสัตว์ สิ่งทอ ยาง เหล็ก เหล็กกล้า อลูมิเนียม พลาสติก อีลาสโตเมอร์ และอื่นๆ อยู่มากมาย นอกจากนี้ ยังมีวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงโคบอลต์ ลิเธียม แมงกานีส บอกไซต์ และกราไฟต์ ทรัพยากรเหล่านี้หาได้ง่ายในไนจีเรีย ทำให้สามารถเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการผลิตยานยนต์