ทิศทางและความท้าทายของตลาดรถยนต์ออสเตรเลียปี 68

ทิศทางและความท้าทายของตลาดรถยนต์ออสเตรเลียปี 68

สภาอุตสาหกรรมยานยนต์ออสเตรเลีย ระบุว่า ปี 2567 ยอดขายรถยนต์ใหม่ในออสเตรเลียทำสถิติสูงกว่า 1 ล้านคัน (สูงสุดในรอบ 10 ปีจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก) มีจำนวน 1,220,607 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากปี 2566 และรถยนต์ที่ได้รับความนิยม 5 อันดับแรกในปี 2567 คือ Toyota (มีสัดส่วนร้อยละ 19.8) Ford (ร้อยละ 8.2) Mazda (ร้อยละ 7.9) Kia (ร้อยละ 6.7) และ Mitsubishi (ร้อยละ 8.2) โดยยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดร้อยละ 57 เป็นรถยนต์เอนกประสงค์ประเภท SUVs มีจำนวน 695,566 คัน เพิ่มจากปี 2566 ร้อยละ 2.4 ยอดขายรถกระบะ (utes) มีสัดส่วนร้อยละ 22 มีจำนวน 270,351 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 1.4 และยอดขายรถยนต์นั่งขนาดเล็กประเภท Sedan และ Hatchbacks ซึ่งมียอดขายลดลงมาโดยตลอดมีสัดส่วนร้อยละ 17 มีจำนวน 203,384 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 3.8 สำหรับยอดขายรถยนต์ขนาดใหญ่ เช่น รถบัส รถตู้ และรถบรรทุกยังคงที่มีสัดส่วนร้อยละ 4 มีจำนวน 51,306 คัน

อย่างไรก็ตาม ตลาดรถยนต์ออสเตรเลียเริ่มซบเซาลงในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากยอดขายรถยนต์ใหม่แต่ละเดือนลดลงต่อเนื่อง โดยยอดขายรถยนต์ใหม่เดือนธันวาคมมีจำนวน 95,895 คันลดลงร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปี 2566 จากการซื้อรถยนต์ใหม่ (Private buyer) ที่ลดลงเกือบทุกรัฐยกเว้นรัฐ Western Australia ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 รถยนต์รุ่นที่ได้รับความนิยม 5 อันดับ คือ Toyota RAV4, Ford Ranger, Toyota Hilux, Toyota Prado และ Ford Eversest

สำหรับยอดขายรถไฟฟ้ามีจำนวน 91,292 คันเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 (ต่ำสุดเมื่อเทียบกับยอดขาย 3 ปีที่ผ่านมา) โดยรถไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ Tesla Model Y, Tesla Model 3, MG 4, BYD Seal และ BYD Atto 3 ตลาดรถไฟฟ้าเริ่มมีการแข่งขันด้านราคาสูงขึ้นโดยยอดขายรถไฟฟ้า Tesla (ครองสัดส่วนผู้นำตลาดรถไฟฟ้าในออสเตรเลีย) ลดลงร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 29 ในขณะที่ยอดขายรถไฟฟ้ายี่ห้ออื่นๆเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8

จากสถิติข้อมูลข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า แม้ว่าตลาดรถยนต์จะมีการขยายตัวในอัตราชะลอตัวลงแต่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การซื้อรถยนต์ในตลาดออสเตรเลียยังคงนิยมซื้อรถยนต์ขนาดครอบครัวและคำนึงถึงสมรรถนะการใช้งาน (SUVs และกระบะ) โดยมีอัตราดอกเบี้ยและแรงกดดันด้านค่าครองชีพเป็นกลไกขับเคลื่อน

ปี 2568 จะเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ที่จะส่งออกทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงมายังตลาดออสเตรเลียเนื่องจากรถ SUVs และกระบะ (ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์เบนซิลและดีเซล) มีสัดส่วนรวมกันมากกว่าครึ่งของยอดขายรถยนต์ใหม่ในตลาดออสเตรเลียซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ประเภทดังกล่าวจำเป็นต้องลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้อยู่ในระดับมาตรฐานประสิทธิภาพการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับรถยนต์ใหม่ New Vehicle Efficiency Standard (NVES) ที่เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งจะทำให้รถยนต์ประเภทดังกล่าวมีราคาสูง (เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนที่สูงขึ้น) และการแข่งขันด้านราคาจากรถไฟฟ้าราคาถูกจากจีนที่คาดว่า ออสเตรเลียจะเป็นตลาดเป้าหมายในการส่งออกรถไฟฟ้าหลังถูกมาตรการด้านภาษีในตลาดสหรัฐฯและสหภาพยุโรป

อย่างไรก็ตาม ปี 2567 เป็นปีที่ยอดขายรถยนต์ Hybrid และ PHEV ได้รับความนิยมมากที่สุด  โดยมีปัจจัยด้านการลดปัญหามลพิษในอากาศ ค่าใช้จ่ายในการใช้งานต่ำและการลดหย่อนภาษีของภาครัฐ (FBT) เป็นกลไกกระตุ้นและเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกรถยนต์ Hybrid และ PHEV จากไทยทดแทนตลาดรถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มลดลง

……………………………………………………………………………………………………

Royal Thai Consulate General, Commercial Office (Thai Trade Center) - Sydney

ที่มา :

FCAI

www.abc.net.au

www.drive.com.au

en_USEnglish