“บริษัทญี่ปุ่น 40% ทบทวนกลยุทธ์จีน”

ผู้บริหารบริษัทต่างๆ เพิ่มความระมัดระวังต่อการดำเนินนโยบายต่อจีนของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากแบบสำรวจของหนังสือพิมพ์ Nikkei พบว่า บริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในจีนกำลังพิจารณาปรับกลยุทธ์จีนใหม่ รวมถึงการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) โดย 40% ของบริษัทเหล่านี้มองว่านโยบายของทรัมป์จะส่งผลเสียต่อธุรกิจของตน โดยเฉพาะการปรับขึ้นภาษีนำเข้า
“บริษัทญี่ปุ่น 40% ทบทวนกลยุทธ์จีน”บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากมีฐานการผลิตในจีนและส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก หากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ปะทุขึ้นอีกครั้ง จากการตอบโต้ด้วยการปรับขึ้นภาษี อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการส่งออกสินค้า รวมถึงวัตถุดิบและชิ้นส่วนต่าง ๆ
แม้ว่าการปรับโครงสร้าง Supply Chain จะต้องใช้ต้นทุนมหาศาลและทรัพยากรบุคคลจำนวนมาก แต่ผู้บริหารหลายรายก็เริ่มเล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องปรับกลยุทธ์ดังกล่าว Ricoh ได้แสดงเจตจำนงที่จะย้ายฐานการผลิตเครื่องจักรสำนักงานที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ จากจีนไปยังไทย
ทรัมป์ยังได้แสดงความตั้งใจที่จะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้า เช่น เม็กซิโกและแคนาดา ในอัตรา 25% และระบุว่าจะเพิ่มภาษี 10% กับประเทศอื่น ๆ แนวคิด America First ที่เกินเลยอาจไม่ใช่แค่การเจรจาต่อรอง แต่เสี่ยงที่จะนำไปสู่สงครามการตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษี ข้อกังวลที่สำคัญที่สุดต่อรัฐบาลชุดใหม่คือ “การเพิ่มภาษีนำเข้า” คิดเป็น 63.8% รองลงมาคือ “ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์” (43.4%) และ “การกลับมาของเงินเฟ้อ” (36.6%) ในทางตรงกันข้าม ความคาดหวังต่อทรัมป์คือ “การผ่อนปรนกฎระเบียบ” คิดเป็น 40.4% ผู้บริหารบริษัทญี่ปุ่นกำลังจับตามองนโยบายของทรัมป์และมองหาวิธีปรับตัวอย่างยืดหยุ่น

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
ตามข้อมูลของ Teikoku Databank (บริษัทวิจัยแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น) ในปี 2567 มีบริษัทญี่ปุ่นดำเนินธุรกิจในจีนจำนวน 13,034 แห่ง โดย 5,139 แห่ง หรือประมาณ 40% เป็นบริษัทในภาคการผลิต แม้จะไม่ทราบแน่ชัดว่ามีบริษัทจำนวนเท่าใดที่ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ แต่จากแบบสำรวจพบว่า 40% ที่เป็นบริษัทในภาคการผลิตดังกล่าวกำลังพิจารณาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จีน อาทิ บริษัท Ricoh ที่วางแผนย้ายฐานการผลิตไปยังไทยนั้น มีฐานการผลิตในไทยอยู่แล้ว จึงสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว บริษัทอื่น ๆ ที่มีฐานการผลิตในประเทศอื่นนอกเหนือจากจีนก็อาจดำเนินการรวมศูนย์ไปยังฐานการผลิตในประเทศเหล่านั้น ในขณะเดียวกัน การเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นนโยบายของทรัมป์ อาจนำไปสู่ความต้องการด้านการจัดหาและการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น

โอกาสใหม่สำหรับผู้ส่งออกไทย
สถานการณ์ที่บริษัทญี่ปุ่นกำลังพิจารณาย้าย Supply Chain จากจีนไปยังประเทศอื่นๆ ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ส่งออกและผู้ผลิตในไทยในการขยายการส่งออก การร่วมทุน หรือการรับผลิตแบบ OEM สินค้าหลักที่ญี่ปุ่นส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในปี 2566 ได้แก่ เครื่องจักรกล ( 36.1% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด) เครื่องจักรทั่วไป (23.7%) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (13%) สินค้าในกลุ่มเหล่านี้มีโอกาสสูงที่จะเติบโตในตลาดโลก


ฉบับ 14 วันที่  28 ธันวาคม  2567  ถึง 3 มกราคม 2568 จากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
แปลและเรียบเรียงจาก
หนังสือพิมพ์ Nikkei Shimbun ฉบับวันที่ 30 ธันวาคม 2567

en_USEnglish