ในปี 2566 ตลาดสินค้าหรูฟุ่มเฟือยทั่วโลกเติบโต 8-10%  ซึ่งผลดังกล่าวนี้ได้ถูกเผยแพร่โดย Bain and Company และนักวิเคราะห์ยังได้เน้นย้ำด้วยว่าการขายสินค้าหรูฟุ่มเฟือยมีการเติบโตตลอดทั้งปีแม้ว่าจะยังคงมีปัญหาเศรษฐกิจเชิงมหภาคในจีนและสหรัฐอเมริกาก็ตาม อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์นี้อาจเปลี่ยนไปได้ในปี 2567  ในส่วนของตลาดรัสเซีย ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ขณะนี้ตลาดสินค้าหรูฟุ่มเฟือยในรัสเซียยังคงประเมินได้ยาก โดยกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดอย่าง LVMH และ Kering ได้ปิดร้านบูติกในท้องถิ่นรัสเซียไปแล้ว และสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเองก็ได้สั่งห้ามการนำเข้าสินค้าฯ ที่มีมูลค่ามากกว่า 300 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโรเข้าสู่รัสเซีย ซึ่งส่งผลทำให้ในรัสเซียมีการรวมช่องทางการขายสินค้าหรูฟุ่มเฟือยใหม่ ซึ่งเป็นเทรนด์หลักของตลาดรัสเซียในปี 2566

 

ขณะนี้ตลาดสินค้าหรูฟุ่มเฟือยในรัสเซียมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ปัจจุบันร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ราคาแพงยังคงมีการเปิดดำเนินการอยู่บ้าง โดยสินค้าดังกล่าวจะถูกจัดส่งโดยตรงมายังร้านค้าหากราคาซื้อน้อยกว่า 300 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร หรือส่งผ่านการนำเข้าแบบคู่ขนาน (Parallel Import)  ทั้งนี้ ในการค้าปลีกออฟไลน์ อาจแบ่งบริษัทค้าปลีกออกเป็นสองประเภท ได้แก่ บริษัทที่ยังคงดำเนินการภายในกรอบการจัดส่งอย่างเป็นทางการเท่านั้น และบริษัทที่ใช้การนำเข้าแบบคู่ขนาน (Parallel Import) ด้วย ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นในความเป็นของแท้ต้นฉบับ (Originality) ของสินค้าหรูฟุ่มเฟือย โดยความเชื่อมั่นดังกล่าวมักจะขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของบริษัทผู้ค้าปลีก เช่น ถ้าเป็นร้านบูติกเล็กๆ ในสถานที่แปลกๆ แต่มีสินค้าหรูฟุ่มเฟือยแบรนด์พรีเมียมระดับนานาชาติให้เลือกซื้อมากมาย ลักษณะร้านค้าแบบนี้ก็อาจทำให้ผู้ซื้อสินค้าฯ ขาดความเชื่อมั่นในสินค้าฯ ได้ นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบการซื้อขายสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือยทางเลือกอื่นๆ ที่เริ่มพัฒนาขึ้นด้วย เช่น คำสั่งซื้อของผู้ซื้อส่วนบุคคล (personal buyer orders) การให้บริการ shopping ของ CDEK (ผู้ให้บริการส่งพัสดุ) และช่องทางการซื้อขายในตลาดรอง (การซื้อขายระหว่างบุคคลกับบุคคล)

 

ปัจจุบัน ในตลาดรัสเซีย แบรนด์ เช่น Supreme Jacquemus  Gucci เป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับการขายต่อ (Resale) โดยหลังจากที่แบรนด์เสื้อผ้าหรูได้ออกจากรัสเซีย สินค้าชนิดเดียวกันนี้ก็เริ่มถูกซื้อมือสองบนแพลตฟอร์มขายต่อ (Resale Platform)  จากข้อมูลเบื้องต้นของ Luxxy.com ณ สิ้นปีที่ผ่านมา สินค้าในกลุ่มนี้เติบโตเกือบ 25% และราคาซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 35,000 รูเบิล  Vladimir Evladov ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มเสื้อผ้าหรู Luxxy.com กล่าวว่า โครงสร้างของตลาดกำลังค่อยๆ ได้รับการปรับโครงสร้างใหม่ โดยเสื้อผ้าเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าที่ซื้อในรัสเซียและขายต่อที่รัสเซีย โดยคิดเป็น 80% ของยอดขาย ปัจจุบัน แพลตฟอร์มออนไลน์ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ เช่น Avito Premium และ Yandex ก็ได้เปิดตัวสายธุรกิจการขายต่อ (Resale Line) ซึ่ง Luxxy.com ก็เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของแพลตฟอร์มออนไลน์ดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า แม้วงจรการซื้อสินค้าแบรนด์แบบตลาดมวลชน (Mass Market) ในรัสเซียจะค่อนข้างกว้าง แต่กลุ่มคนในตลาดดังกล่าวมีความแตกต่างกับผู้นำเทรนด์ที่ติดตามการเปิดตัวโมเดลสินค้าแบรนด์เฉพาะเจาะจงและฤดูกาลใหม่ๆ  ซึ่งผู้นำเทรนด์เหล่านี้มักจะบินไปยุโรปหรือดูไบและซื้อสินค้าฯ จากที่นั่นโดยตรง

 

นอกจากนี้ ตามข้อมูลของ Autostat ยอดขายรถยนต์หรูในรัสเซียเพิ่มขึ้นหนึ่งในสี่ในปี 2566 โดยสามอันดับแรก ได้แก่ เบนท์ลีย์ ลัมโบร์กีนี และโรลส์-รอยซ์ โดยรวมแล้วตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกันยายน 2566 มียอดขายรถยนต์หรูในประเทศประมาณ 340 คัน ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2565 ถึง 23%

 

การที่ตลาดสินค้าหรูฟุ่มเฟือยในรัสเซียมีการเปลี่ยนแปลงไปดังกล่าวข้างต้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องในรัสเซียได้มีการปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อการที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ยังคงมีความต้องการของผู้บริโภคชาวรัสเซียต่อการซื้อสินค้าหรูฟุ่มเฟือย อย่างไรก็ดี คงต้องจับตาดูต่อไปว่าตลาดสินค้าหรูฟุ่มเฟือยในรัสเซียจะมีการปรับตัวอย่างไรต่อไปอีกหรือไม่ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน และการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกต่อรัสเซียก็ยังไม่มีท่าทีจะผ่อนปรนลง

 

ที่มา:

– The approach to luxury is changing: What are the trends in the market for luxury brands? (https://www.kommersant.ru/doc/6442318)

 

 

jaJapanese