เมื่อกล่าวถึงรถยนต์ หุ่นยนต์ และเครื่องซักผ้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าตัวใดในปัจจุบันก็ต้องใช้ชิปเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการผลิต โดยความต้องการชิ้นส่วนที่สำคัญนี้ยังเป็นเครื่องบ่งชี้ที่สำคัญการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกในอนาคตด้วย เพราะที่ผ่านมาความต้องการชิปซบเซามาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่จากการประเมินสถานการณ์ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) ล่าสุด ของนาย Ondrej Burkacky ผู้เชี่ยวชาญด้านชิปของบริษัทให้คำปรึกษา McKinsey กล่าวว่า “ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 ธุรกิจชิปมีแนวโน้วขยายตัวเพิ่มขึ้น” นาย Burkacky กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญอย่างจำพวกหน่วยความจำหรือ โปรเซสเซอร์ (CPU) ซึ่งเป็นมันสมองของคอมพิวเตอร์ ต่างก็เห็นว่า ในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ธุรกิจของพวกเขามีแนวโน้มที่จะดำเนินไปได้ด้วยดี” นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดจำหน่ายของบริษัทต่าง ๆ ในปี 2024 น่าจะยังคงเหมือนเดิมหรือไม่ก็อาจโตกว่าปี 2021 หรือ 2022 ด้านที่ปรึกษาของ McKinsey กล่าวว่า แม้ในปัจจุบันโกดังสินค้าจะเต็มกว่าปกติแต่แนวโน้มการขยายตัวทางธุรกิจกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง นักวิจัยตลาดของบริษัท Gartner คาดว่า ในปี 2024 รายรับโดยรวมจากอุตสาหกรรมชิปเป็นไปได้ที่จะเพิ่มขึ้น 17% เป็น 624 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังเป็นสัญญาณที่ดีว่า เศรษฐกิจโลกกลับมาเสถียรภาพอีกครั้ง

 

ในช่วงที่เกิดวิกฤติการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น รายได้ของผู้ผลิตชิปพุ่งสูงขึ้นอย่างมากเนื่องจากความต้องการคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เมื่อเหตุการณ์ล็อคดาวน์ได้สิ้นสุดลง อุตสาหกรรมชิปก็กลับมาตกต่ำอย่างกระทันหัน ซึ่งจากข้อมูลของ Gartner พบว่า ยอดจำหน่ายในปี 2023 ลดลงเกือบ 11% เป็น 534 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ผู้บริโภคและภาคเอกชนต่างก็ประหยัดเงินมากขึ้น เพราะมีวิกฤตการณ์ต่าง ๆ มากมายตามมา และก็มีเรื่องปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่สูงด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านชิปของ Gartner กล่าวว่า  “เมื่อความต้องการสินค้าสมาร์ทโฟนและ คอมพิวเตอร์ลดลงอย่างกระทันหัน รวมถึงการลงทุนด้านศูนย์ข้อมูลที่ลดลง จึงทำให้ยอดจำหน่ายไม่เป็นไปตามที่บริษัทวางแผนไว้” จริง ๆ แล้ว บริษัทผู้ผลิตชิปนั้นถือว่าผู้ผลิตขั้นต้นในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมการผลิตคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ในการผลิตชิปมีความซับซ้อนต้องใช้เวลาหลายเดือน เป็นเหตุให้ลูกค้าต้องสั่งสินค้าแต่เนิ่น ๆ สถานการณ์การซื้อสินค้าผู้ผลิตชิปนี้จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของลูกค้าต่อธุรกิจของตนในอนาคตนั้นเอง ในอดีตยอดจำหน่ายชิ และเศรษฐกิจโลกมักจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ด้านนาย Peter Fintl ผู้เชี่ยวชาญด้านเซมิคอนดักเตอร์ ของบริษัทให้คำปรึกษา Capgemini กล่าวว่า เนื่องจากส่วนประกอบต่าง ๆ มีบทบาทมากขึ้นในการผลิตสินค้าจำนวนมาก ชิปจึงมีความสำคัญมากขึ้นในฐานะตัวบ่งชี้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก หากนาย Fintl พูดถูก ก็เป็นไปได้ที่ในฤดูใบไม้ร่วงของปี 2024 เศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะกลับมาอยู่ในขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งตัวเลขอุตสาหกรรมชิปล่าสุดก็แสดงให้เห็นทิศทางนี้เช่นกัน ข้อมูลของสมาคมอุตสาหกรรมแห่งสหรัฐอเมริกา SIA ปรากฏว่า ยอดจำหน่ายทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 4% ในเดือนตุลาคม 2023 เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2023 อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับยอดจำหน่ายปีที่ 2022 พบว่า รายได้ลดลง 0.7% นาย John Neuffer ซีอีโอของ SIA กล่าวว่า “ในเดือนตุลาคม 2023 เรียกได้ว่าตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง 8 เดือนติดต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการชิปที่ชัดเจนในช่วงปลายปี 2023” ในขณะเดียวกันจากการสำรวจกลุ่มผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมชิปโดย McKinsey พบว่า มากกว่า 40% คาดหวังว่า ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 เป็นต้นไป ตัวเลขการประกอบธุรกิจน่าจะดีกว่าในปีก่อนหน้า เพราะเพียง 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดการณ์ว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นตัวช้ากว่าเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในแบบสำรวจของ McKinsey ผู้จัดการส่วนใหญ่ต่างก็คาดหวังว่า ธุรกิจน่าเติบโตน้อยกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์ของ Gartner คำนวณไว้มาก เกือบ 2 ใน 3 คาดว่า ยอดจำหน่ายในปี 2024 น่าจะเพิ่มขึ้น 4% – 8% นาย Burkacky เตือนว่า อย่าคิดว่ายอดจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว โดยกล่าวว่า “สิ่งที่ไม่ชัดเจนในเวลานี้ก็คือพฤติกรรมของผู้บริโภค ปัจจุบันการบริโภคส่วนบุคคลยังคงอ่อนตัวอยู่โดยเฉพาะในตลาดจีน” โดยอุตสาหกรรมชิปจำหน่ายสินค้ากว่า 1 ใน 3 ให้กับลูกค้าในประเทศจีน สิ่งเดียวที่ดูแน่นอนในขณะนี้ก็คือ ในระยะยาวอุตสาหกรรมชิปจะเติบโตขึ้นแน่นอน ผู้ผลิตจะได้รับประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากขึ้น โดย AI จะเข้ามามีบทบาทในทุก ๆ ด้านของการใช้ชีวิตประจำวัน นาย Gunther Kegel ประธานสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิคส์เยอรมนี (ZVEI – Zentralverband Elektrotechnik- und Elektronikindustrie) ออกมาทำนายว่า “ในอีก 10 ปีข้างหน้า AI จะเข้ามาอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ไม่ว่าอุปกรณ์จะเรียบง่ายขนาดไหนก็ตาม” ซึ่งสิ่งนี้เองจะทำให้เกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดดขึ้น นาย Burkacky กล่าวว่า “บริษัทจำนวนมากจากอุตสาหกรรมชิปสันนิษฐานว่า ภายในปี 2030 การเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI จะทำให้ยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ถึง 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ถึง 100 ถึง 200 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว”

 

 

จาก Handelsblatt 15 มกราคม 2567

jaJapanese