พรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป

(ที่มา : สำนักข่าว Korea JoongAng Dialy ฉบับวันที่ 10 – 11เมษายน 2567)

พรรคประชาธิปไตย (DP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก ได้ครองเสียงข้างมากในรัฐสภา หลังการเลือกตั้ง สมาชิกรัฐสภาสมัยที่ 22 เมื่อวันพุธที่ 10 เมษายน 2567 นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญและส่งผลกระทบ ครั้งใหญ่ต่อพรรคพลังประชาชน (PPP) และประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล

ผลการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567 พรรคฝ่ายค้าน ซึ่งได้แก่ พรรคประชาธิปไตย (DP) และพรรคพันธมิตร คว้าที่นั่งได้ 175 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ได้รับ 169 ที่นั่ง ในขณะที่พรรคพลังประชาชน (PPP) ซึ่งนำโดยประธานาธิบดียุน ซอกยอล และพรรคพันธมิตร คว้าไปแค่เพียง 108 ที่นั่ง ลดลงจากเดิม 131 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งในสภาทั้งสิ้น 300 ที่นั่ง

ในส่วนของพรรคอื่นๆ พรรค Rebuilding Korea Party (RKP) นำโดยอดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม นาย โช กุก ซึ่งมีคดีอื้อฉาว ได้ที่นั่ง 12 ที่นั่ง ทำให้พรรค DP และ RKP ได้ที่นั่งรวมกันถึง 187 ที่นั่ง ในขณะที่พรรคแซมีแร (Saemirae) ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ลี นัก-ยอน และพรรค New Reform ซึ่งนำโดยอดีตผู้นำพรรค PPP ลี จุน-ซอก คว้าได้ 1 และ 3 ที่นั่ง ตามลำดับ

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกขุ่นเคืองของประชาชนเกาหลีต่อรัฐบาลประธานาธิบดียุน ในประเด็นต่างๆ เช่น นโยบายด้านเศรษฐกิจ การเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และส่งผลให้ประธานาธิบดียุน กลายเป็นผู้นำคนแรกของเกาหลีใต้ที่จะทำงานภายใต้เสียงข้างน้อยในสภา ตลอดวาระการดำรงตำแหน่ง

การเลือกตั้งในปีนี้ สร้างแรงกดดันอย่างมากให้กับพรรคพลังประชาชน เนื่องจากหากไม่ได้รับเสียงข้างมาก อาจจะทำให้ประธานาธิบดียุนกลายเป็นเป็ดง่อยในช่วง 3 ปีที่เหลือของวาระการดำรงตำแหน่งของเขา ซึ่งจะสิ้นสุดในปีพ.ศ. 2570 โดยพรรคพลังประชาชนร้องขอการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยอ้างว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลประธานาธิบดียุนไม่สามารถผลักดันวาระการปฏิรูปของตนได้อย่างเหมาะสมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐสภาไม่ให้ความร่วมมือ แต่ก็ยังไม่ได้ผลตอบรับที่ดี

ในทางกลับกัน พรรคประชาธิปไตยได้เรียกร้องให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งพิจารณาอย่างรอบคอบต่อ การบริหารของประธานาธิบดียุนที่ “ไร้ความสามารถ” โดยกล่าวหาว่า รัฐบาลทำให้เศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของ ประชาชนแย่ลงอย่างรุนแรง และผิดพลาดในจัดการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งต่างๆ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา

สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้ มีผู้ใช้สิทธิเสียงสูงสุดในรอบ 32 ปี คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ สาธารณรัฐเกาหลี ระบุว่า หน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 14,259 แห่งทั่วประเทศปิดทำการเวลา 18.00 น. เมื่อวันพุธที่ 10 เมษายน 2567 หลังจากมีผู้ลงคะแนนเสียงร้อยละ 67 หรือ 29.66 ล้านคน จากผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทั้งหมด 44.28 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ในปี 2563 ร้อยละ 0.8 และถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดของการใช้ สิทธิ์เลือกตั้งทั่วไปตั้งแต่ปี 2553 ที่ ร้อยละ 71.9 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ดี หลังจากมีการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งทั่วไปเป็นการประเมินผลของสาธารณชนต่อการปฏิบัติงานของรัฐบาล พร้อมเคารพเจตจำนงของ ประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งทั่วอย่างนอบน้อม และวางแผนที่จะปฏิรูปกิจการของรัฐและจะพยายามสุด ความสามารถ เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน

ความเห็น สคต.

สคต. ณ กรุงโซล พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการที่พรรคฝ่ายค้านได้ที่นั่งส่วนมากในรัฐสภา จะส่งผลให้นโยบายของประธานาธิบดียุน ซอกยอล เช่น การลดระเบียบทางการค้า การลดภาษี และการยกเลิกกระทรวงความเสมอภาพทางเพศ (Gender Ministry) อาจดำเนินไปได้ยากขึ้น เนื่องจากไม่ได้รับเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ในสภา การออกนโยบายต่างๆ อาจจะไม่สามารถดำเนินได้อย่างที่ตั้งใจไว้ นอกจากนี้ ประธานาธิบดียุนอาจจะถูกกดดันให้ลาออกจากพรรคเพื่อรับผิดชอบ ทำให้การเมืองเกาหลีใต้อาจเกิดความไม่เสถียร ประเทศไทยควรที่จะติดตามการเมืองเกาหลีใต้อย่างใกล้ชิด

jaJapanese