ผลการประชุมสุดยอดอุตสาหกรรมรถยนต์

นาย Robert Habeck รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สภาวะอากาศของเยอรมนี ในสังกัดพรรคยุค 90 พันธมิตรสีเขียว (Bündnis 90/Die Grünen) ได้แถลงข่าวภายใต้การประชุมสุดยอดรถยนต์ว่า “วันนี้คุ้มค่าที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แล้ว” แต่ยอดขายรถ EV ในเยอรมนีกลับหดตัวลง และอุตสาหกรรมยานยนต์ก็ประสบวิกฤติอย่างหนัก ขณะนี้รัฐมนตรีฯ ให้คำมั่นว่า รัฐบาลฯ จะสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังป่วยอยู่ โดยนาย Habeck กล่าวว่า “ข้อความที่ภาคเอกชนต้องการได้ยินที่สุดในเวลานี้ คือ สัญญาณระยะยาวที่ชัดเจนสำหรับตลาด” อย่างไรก็ตาม นาย Habeck ก็ยังไม่ได้ประกาศมาตรการที่เป็นรูปธรรมใด ๆ ออกมา แต่โดยปกติแล้วมาตรการที่อาจเกิดขึ้นและจะมีผลใช้บังคับย้อนหลังเสมอ และเขาจะเร่งนำเรื่องดังกล่าวเข้าอภิปรายกับการประชุมรัฐบาลกลางรอบต่อไปด้วย

นาย Habeck ได้เชิญผู้บริหารกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์และตัวแทนสหภาพแรงงานเข้าร่วมการประชุมสุดยอดรถยนต์เมื่อบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเขาได้เชิญตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมัน (VDA – Verband der deutschen Automobilindustrie), สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมเหล็ก (Industriegewerkschaft Metall, IG Metall), บริษัท Volkswagen, บริษัท BMW, บริษัท Mercedes-Benz, บริษัท Tesla Germany, บริษัท Bosch, บริษัท Continental และบริษัท ZF ทั้งนี้ รัฐมนตรีฯ สัญญาว่า จะสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับสหภาพยุโรป (EU) โดยตัวแทนในอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องการเสนอให้มีการแก้ไขสิ่งที่เรียกว่า “การจำกัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ของผู้ผลิตยานพาหนะใน EU” (เยอรมัน: Flottengrenzwert, CO₂ emission performance standards for cars and vans) ซึ่งเป็นข้อกำหนดปริมาณโดยเฉลี่ยในการปล่อย CO₂ ภายใน 1 ปี ในการผลิตรถยนต์ของผู้ผลิตยานพาหนะ โดยนาย Habeck กล่าวว่า เขาจะตรวจสอบเรื่องนี้และพยายาม “ทำตามแผนนี้” ซึ่งปัจจุบันข้าราชการในกระทรวงเศรษฐกิจฯ ต่างก็มีความกังวลใจเกี่ยวกับวิกฤติที่ผู้ผลิตรถยนต์ต้องเผชิญในขณะนี้ พวกเขากำลังมองหาวิธีที่จะสนับสนุนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ และมุ่งเน้นไปการส่งเสริมการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า คณะรัฐมนตรีเพิ่งเสนอสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อรถ EV และวิธีนำรถเหล่านี้มาคำนวณค่าเสื่อมในการลดหย่อนภาษีที่ดีกว่าเดิมอีกด้วย นอกจากนี้ รัฐสภาเยอรมันเองก็กำลังหารือเรื่องกฎหมายฉบับใหม่ที่จะออกมากำหนดให้ทุกสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงต้องติดตั้งสถานีชาร์จรถ EV ขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงที่กล่าวมาในข้างต้นในประเด็นเหล่านี้ อาจจะไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับปัญหาที่เห็นได้ชัดในอุตสาหกรรมรถยนต์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับบริษัท Volkswagen โดยหลังจากที่รัฐบาลกลางประกาศยกเลิกการสนับสนุนการซื้อรถ EV โดยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างกระทันหันก่อนฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องลดราคาสินค้าในเวลาต่อมา แต่การตัดสินใจของรัฐบาลอย่างกะทันหันในครั้งนั้น เป็นการส่งสัญญาณเชิงลบให้กับมวลชน จนทำให้เกิดผลกระทบกับการซื้อรถ EV ใหม่ทันที

ในสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลของรัฐ Saarland ที่นำโดยพรรคสังคมนิยมเพื่อประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD – Sozialdemokratische Partei Deutschlands) ได้ออกตัวสนับสนุนโครงการริเริ่มของรัฐสภากลางให้รื้อฟื้นสนับสนุนการซื้อรถ EV อีกครั้งกลุ่มแกนนำ ส.ส. พรรค SPD นรัฐสภาฯ เองก็ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการใช้นโยบายรถเก่าแลกรถใหม่ออกมาอีกครั้งเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับผู้บริโภคให้เลิกใชรรถยนต์สันดาปเปลี่ยนไปเป็นรถ EV แทนอย่างไรก็ตามกระทรวงของนาย Habeck เห็นว่า เรื่องที่กล่าวมานั้นไม่ควรที่จะนำมาเป็นทางเลือก ท้ายที่สุดแล้ว นโยบายเหล่านี้ก็ถูกยกเลิกไปเนื่องจากไม่มีงบประมาณ ทำให้เกิดช่องว่างก็ใหญ่ขึ้นอีกในตอนนี้ นาย Christian Lindner รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสังกัดพรรคเพื่ออิสรภาพและประชาธิปไตย (FDP – Freie Demokratische Partei) เสนอแนะให้ผ่อนผัน “การจำกัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของผู้ผลิตยานพาหนะใน EU” (เยอรมัน: Flottengrenzwert) โดยสหภาพยุโรปกำหนดให้ผู้ผลิตยานยนต์ต้องผลิตยานยนต์ที่ค่าความเป็นกลางต่อสภาพอากาศในระดับหนึ่ง โดยค่าดังกล่าวจะสูงขึ้นทุกปี มีแนวโน้มที่ผู้ผลิตชาวเยอรมันเกือบทั้งหมดจะไม่สามารรักษาขีดจำกัดนี้ได้ จากข้อมูลจากวงในผู้ผลิตรถยนต์ต้องเผชิญกับค่าปรับในหลักพันล้านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตามพรรค Grünen ไม่ต้องการให้ EU ผ่อนปรน Flottengrenzwert โฆษกกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งสหพันธรัฐเยอรมนีออกมาเน้นย้ำว่า ผู้ผลิตรถยนต์มักจะต้องปฏิบัติตามตามกฎระเบียบในปีเป้าหมาย และไม่จำเป็นต้องทำล่วงหน้า แต่ในทางกลับกันวงในของกระทรวงเศรษฐกิจฯ ของนาย Habeck กลับมองเห็นว่า ปัจจุบันผู้ผลิตฯมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับสูงขึ้นมาก จึงมีการพิจารณาให้รัฐฯ เข้ามาร่วมแบ่งเบาภาระดังกล่าวได้

จาก Handelsblatt 18 ตุลาคม 2567