อัตราเงินเฟ้อของไนจีเรียพุ่งสูงถึง 32.70% ในเดือนกันยายน

สำนักสถิติแห่งชาติไนจีเรียรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนกันยายน 2567 ระบุว่าดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งวัดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไนจีเรียพุ่งสูงสุดที่ 32.70% ในเดือนกันยายน 2567 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.92 เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 32.15 และเมื่อเทียบเป็นรายปี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นร้อยละ 5.98 ที่บันทึกไว้ในเดือนกันยายน 2566 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 26.72 ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในสองเดือนก่อนหน้าซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนกันยายน 2567 ขับเคลื่อนโดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (16.94%) ที่อยู่อาศัยและพลังงาน (5.47%) เสื้อผ้า (2.50%) และการขนส่ง (2.13%) โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจากการขาดแคลนเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่องและราคาที่สูงขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนของเงินไนร่าอ่อนค่าลงไปมาก และต้นทุนอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงขึ้น และนักลงทุนจะยังคงแสดงความรู้สึกที่เงียบเหงาในตลาดหุ้นโดยหันไปใช้หลักทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าหรือตราสารหนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบของเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

อัตราเงินเฟ้อด้านอาหารซึ่งเป็นดัชนีที่จับตามองอย่างใกล้ชิดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 37.77% ในเดือนกันยายน 2567 จากร้อยละ 37.52% ในเดือนสิงหาคมฯ และเมื่อเทียบเป็นรายปีเพิ่มขึ้นจาก 30.64 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกันยายน 2566 ต้นทุนที่สูงขึ้นของน้ำมัน เนื้อสัตว์ และเครื่องดื่มมีส่วนทำให้ราคาสูงขึ้นทำให้อัตราเงินเฟ้ออาหารในเดือนกันยายนอยู่ที่ 2.64 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าที่บันทึกไว้ในเดือนสิงหาคมที่ 2.37 เปอร์เซ็นต์เล็กน้อย

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมพลังงานและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เพิ่มขึ้นเป็น 27.43 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบเป็นรายปี      สูงกว่าที่บันทึกไว้ในเดือนกันยายน 2566 ที่ 21.84 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบเป็นรายเดือนโดยลดลงเหลือ 2.10 เปอร์เซ็นต์ จาก 2.27 เปอร์เซ็นต์ในเดือนสิงหาคม แต่แนวโน้มโดยรวมแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันต่อราคาที่ยังคงดำเนินต่อไป

อัตราเงินเฟ้อในเขตเมืองอยู่ที่ 2.67 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจาก 2.39 เปอร์เซ็นต์ในเดือนสิงหาคม อัตราเงินเฟ้อในเขตชนบทเพิ่มขึ้นเป็น 2.39 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นจาก 2.06 เปอร์เซ็นต์ในเดือนก่อนหน้า ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นในไนจีเรียเนื่องจากราคาน้ำมันยังคงผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้น

อาหารหลักมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบเป็นรายปีซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเงินเฟ้อ ข้อจำกัดด้านอุปทาน และความผันผวนของอุปสงค์ อาหารหลัก เช่น ถั่วและข้าว ซึ่งมีความสำคัญต่อมื้ออาหารในแต่ละวัน มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่สุด ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ยังคงส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซื้อสิ่งจำเป็นพื้นฐาน

ทั้งนี้จากกรณีที่มีการคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจากการขาดแคลนเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง/ราคาที่สูงขึ้นและต้นทุนอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของเงินไนร่าที่อ่อนค่าลงไปมากนั้นจะเห็นได้จากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินไนร่าอ่อนค่าลง 0.12% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในตลาดคู่ขนานโดยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ซื้อขายที่ 1,730 ไนร่าต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งลดลงเล็กน้อย 2 ไนร่าจากอัตราเดิมที่ 1,728 ไนร่าซึ่งถือเป็นวันที่สองติดต่อกันที่เงินไนร่าอ่อนค่าลง หลังจากแข็งค่าขึ้น 0.58% เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมฯ โดยเงินไนร่าซื้อขายที่ 1,725 ​​ไนร่าต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน เงินไนร่าได้พลิกกลับจากการอ่อนค่าลงติดต่อกันสามวันในหน้าต่างนักลงทุนและผู้ส่งออก (I&E) โดยปิดที่ 1,601.20 ไนร่าต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งปรับตัวดีขึ้น 3.30% จากราคาปิดก่อนหน้าที่ 1,654.09 ไนร่า ซึ่งช่องว่างระหว่างอัตราตลาดคู่ขนานและอัตราทางการกว้างขึ้นเป็น 128.80 ไนร่าเพิ่มขึ้นจากส่วนต่างของวันก่อนหน้าที่ 73.91 ไนร่า นอกจากนี้ ข้อมูลจากตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอิสระของไนจีเรีย (NAFEM) ยังแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้น 69% ในธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมเป็น 230.99 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 136.68 ล้านดอลลาร์ก่อนหน้า

สำหรับสำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารกลางไนจีเรียเพิ่มขึ้น 0.188% เป็น 39.230 พันล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 เพิ่มขึ้นจากระดับก่อนหน้าที่ 39.156 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นการเติบโตติดต่อกันเป็นวันที่เก้า นอกจากนี้ ภายใต้แนวนโยบายล่าสุดของธนาคารกลางฯ รวมถึง การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ สกุลเงินในประเทศกำลังแสดงสัญญาณของเสถียรภาพ และธนาคารกลางฯ ยังได้เคลียร์ภาระผูกพันแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศค้างชำระ รวมถึงการชำระเงินให้กับสายการบินด้วย