ในพิธีเปิดสมาคมเศรษฐกิจยุโรป แห่งใหม่ กลางกรุงนิวเดลี อินเดีย เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นาย Piyush Goyal รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของอินเดีย ถึงกับเก็บสีหน้าไม่อยู่และหน้าตึงเพราะเกิดการถกเถียงกันขึ้นในเรื่องข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างอินเดียกับสหภาพยุโรป (EU) เขาได้ออกมากล่าวเปิดงานเพียงสั้น ๆ ว่า “ข้าพเจ้าขอยืนยันสนับสนุนและความร่วมมือของอินเดีย ฯลฯ” ก่อนที่เขาจะวางต้นฉบับคำกล่าวเปิดไว้ข้าง ๆ และเริ่มพูดภาษาธรรมดาที่ชาวบ้านเข้าใจ ซึ่งสิ่งที่เขากล่าวต่อไปนี้คือ เหตุผลทั้งหมดว่าทำไมในความเห็นของเขา การเจรจา FTA กับ EU จึงมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดย EU เองก็ยังยืนยันเรื่อง “มาตรฐานที่ไม่สมเหตุสมผล (Irrational Standards)” ภาคอุตสาหกรรมในประเทศของเรากำลังเผชิญกับ “กฎเกณฑ์ที่ไม่ยุติธรรม” เช่น การตั้งมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM – Carbon Border Adjustment Mechanism) ตามแผนที่วางไว้ของ EU ซึ่งมีแนวโน้มว่า จะทำให้การส่งออกของอินเดียไปยังยุโรปจะมีต้นทุน (หรือราคา) สูงขึ้น นาย Goyal ถึงกับบ่นว่า ในการเจรจา FTA ระหว่างกันนั้น EU ใส่ “องค์ประกอบต่างประเทศ” มากจนเกินไป โดยมากกว่าที่คิดถึงมิติด้านเศรษฐกิจ เขากล่าวเสริมว่า “EU จะต้องตัดสินใจว่า ต้องการขยายการค้าจริง ๆ หรือไม่” ความคับข้องใจของรัฐมนตรีอินเดียเป็นไปได้ที่เขาจะกล่าวเป็นการส่วนตัวกับนาย Robert Habeck ในวันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจฯ ต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนาย Goyal ซึ่งการพบปะนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรึกษาหารือระหว่างรัฐบาลเยอรมนีและรัฐบาลอินเดีย โดยหัวใจหลักในการหารือคณะรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศ ก็คือ การกระตุ้นเจรจา FTA ที่ติดขัดให้กลับมากระเตื้องขึ้นอีกครั้ง นาย Habeck กล่าวขณะอยู่บนถนนในกรุงเบอร์ลินก่อนออกเดินทางว่า นี้คือ “หัวใจหลัก” ในการเดินทางครั้งนี้ ว่าในที่สุดเราจะสามารถทำให้การเจรจานี้กระเตื้องขึ้นได้ขนาดไหน คาดว่า การเจรจาที่หยุดชะงักนี้จะถูกนำมาหารือในวันศุกร์ในระหว่างการประชุมระหว่างนาย Olaf Scholz นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนาย Narendra Modi นายกรัฐมนตรีอินเดีย นักการเมืองทั้งสองคนได้ปรากฏตัวพร้อมกันในการประชุม Asia-Pacific German Business Conference ที่กรุงนิวเดลีพร้อม ๆ กัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ต่างก็ได้เน้นย้ำความสนใจอย่างมากในการหาข้อสรุปเรื่องดังกล่าว โดยอินเดียหวังว่า จะสามารถเข้าถึงตลาดในยุโรปได้ดีขึ้น EU มองว่า การค้าที่เพิ่มขึ้นกับประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก เป็นโอกาสที่หลุดพ้นและเป็นอิสระจากจีนมากขึ้น ด้วยเหตุผลในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ FTA จึงถือว่า มีความสำคัญเช่นกันเพื่อนำมาผูกมัดอินเดียให้ใกล้ชิดกับชาติตะวันตกมากขึ้น และในเวลาเดียวกันก็เป็นวิธีที่ดีในการแยกความสัมพันธ์ของอินเดียออกจากรัสเซียด้วย แต่การมองโลกในแง่ดีว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลง FTA ได้ในเร็ว ๆ ต่างก็ลดลงเรื่อย ๆ โดยหลังจากที่การเจรจากลับมาเริ่มต้นใหม่ในปี 2022 หลังจากห่างหายไปนานถึง 9 ปี ในเวลานั้น EU ตั้งเป้าไว้ว่าน่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในต้นปี 2024 เป็นอย่างช้าที่สุด แต่แม้แต่การเจรจารอบล่าสุดเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสามารถสร้างสายสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญแต่อย่างใด ด้านนาย Hervé Delphin เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำอินเดียยอมรับว่า “แม้ว่าทีมเจรจาจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่การเจรจาก็แทบไม่มีความคืบหน้าเลย”
จากข้อมูลวงในของรัฐบาลเยอรมัน การเจรจาดำเนินไปค่อนข้างยากมาก ๆ เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงการลดภาษีที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ในภาคเกษตรกรรมก็มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งอินเดีย และบางส่วนของประเทศสมาชิก EU โดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศสต่างก็ลังเลที่จะเปิดตลาดของตน นอกจากนี้ประเทศอินเดียเองก็แทบจะไม่สนใจในการรักษากฎระเบียบต่าง ๆ ด้านความยั่งยืนในด้าน เช่น มาตรฐานการปกป้องสภาพภูมิอากาศ หรือสิทธิเสรีภาพของแรงงาน ในข้อตกลงทางการค้าเลย นักการเมืองชั้นนำของประเทศอินเดียแสดงความเห็นโดยชี้ไปที่บริษัทขนาดเล็ก และขนาดกลางของประเทศที่รู้สึกว่า ถูกคุกคามจากการเปิดประเทศมากเกินไปผ่าน FTA นอกจากนี้ พวกเขายังกล่าวถึงระดับการพัฒนาตัวของอินเดียอีกด้วย จากตัวเลขของธนาคารโลกในปีที่ผ่านมาชาวอินเดียแต่ละคนมีรายได้โดยเฉลี่ยเพียง 2,500 เหรียญสหรัฐฯ ในเยอรมนีรายได้โดยเฉลี่ยของประชากรต่อปีอยู่ที่ 53,000 เหรียญสหรัฐฯ โดยประมาณ แวดวงรัฐบาลอินเดียกล่าวย้ำว่า ตราบใดที่เศรษฐกิจของอินเดียยังไม่ดีขึ้น และมีรายได้ต่อหัวที่สูงขึ้น อินเดียก็ต้องได้รับการปกป้องมากขึ้นตามไปด้วย การที่ทั้งสองฝั่งไม่สามารถตกลงกันได้สักทีนั้นได้สร้างความตึงเครียดให้กับบริษัทที่ดำเนินกิจการในอินเดียมากขึ้น ตามการสำรวจของหอการค้าต่างประเทศในอินเดีย 57% ของบริษัทเยอรมันถึงกับออกมาบ่นว่า อุปสรรคด้านศุลกากรที่สูง ตัวอย่างเช่น ในภาคอุตสาหกรรมอัตราภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมคือ 15% และในภาคเกษตรกรรมสูงถึง 40% นอกจากนี้นักธุรกิจเยอรมันจำนวน 35% วิพากษ์วิจารณ์อุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งครอบคลุมเรื่องอย่างเช่น การขอใบอนุญาต และใบรับรองต่าง ๆ อีกด้วย ขณะนี้ EU กำลังค้นหาวิธีที่จะสามารถบรรลุข้อสรุปเรื่องดังกล่าวได้เร็วขึ้นเพื่อลดปัญหาที่กล่าวมาเหล่านี้ มีความเห็นว่าข้อตกลง FTA กับอินเดียอาจง่ายกว่าหากทั้งสองฝ่ายทำข้อตกลงทางการค้าเท่านั้น ประเด็นการรักษาความยั่งยืน (Sustainability) ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ อาจได้รับการยกเว้นไว้ก่อน เช่นเดียวกับการคุ้มครองการลงทุน แวดวงรัฐบาลเยอรมันยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ของข้อตกลงรายย่อยที่น่าจะสามารถช่วยลดอุปสรรคทางการค้าในบางธุรกิจ เช่น ดิจิทัล หรือบริการ เป็นต้น สำหรับเรื่องที่มีความขัดแย้งหนัก ๆ เช่น ภาคเกษตรกรรม ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยวิธีนี้เช่นกัน โดยก่อนที่นาย Habeck จะบินไปอินเดียเขาก็ได้ลดความหวังว่าการเจรจานี้จะสามารถบรรลุผลแบบเนิ่น ๆ เขากล่าวว่า แน่นอนว่าข้อตกลงทางการค้าจะไม่ได้สรุปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดย FTA ระหว่างยุโรปและอินเดียมีการเจรจากันมานาน 20 ปีแล้วนั่น “ไม่ใช่เยอรมนีเพียงประเทศเดียวอย่างแน่นอนที่จะสามารถทำให้สิ้นสุดลงได้ ต้องมาดูกันว่า เราจะสามารถร่วมกันแก้ปมเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ได้มากน้อยขนาดไหน”
จาก Handelsblatt 15 พฤศจิกายน 2567