ผู้นำเข้า/ส่งออกเคนยาประท้วงการขึ้นค่าธรรมเนียม (port surcharged) ของสายเรือในแอฟริกา

เกิดการประท้วงของสมาคมผู้ขนส่งสินค้าทางเรือแอฟริกาตะวันออกหลังจากสายเรือใหญ่ ลำดับที่ 1 และ 2 ของโลกในการรับส่งสินค้ามายังแอฟริกา 2 บริษัท ได้แก่ MSC (Mediterranean Shipping Company) และ MAERSK ตามลำดับ ได้ประกาศมาตรการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม port congestion surcharged จากค่าระวางเรือปกติ กับเรื่อที่จะขนส่งสินค้ามายังแอฟริกาเพิ่มเติมหลังจากวันที่ 13 มกราคม 2028 ในอัตรา 500 USD ต่อตู้ (ทั้งขนาด 40 ft และ 20 ft) โดยสายเรือทั้งสองบริษัทมีส่วนแบ่งการขนส่งในแอฟริกาและเคนยารวมกว่าร้อยละ 48 หรือ ครึ่งหนึ่งของการให้บริการการขนส่งผ่านท่าเรือ Mombasa

 

โดยมาตราการนี้ จะทำให้สินค้าที่จะมีการส่งออกและนำเข้าผ่านท่าเรือ Mombasa ของเคนยาจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว เป็นค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากที่ Kentrade (The Kenya Trade Network Agency) ได้เรียกเก็บจากเจ้าของสินค้าในการยื่นคำขอในการใช้บริการท่าเรือ (Port Fee) คำขอละ 80 USD ส่งผลทำให้ต้นทุนการขนส่งและบริการของท่าเรือเคนยาปรับเพิ่มขึ้นรวมแล้วกว่า 480 USD ต่อตู้ ซึ่งจากข่าวดังกล่าวนี้ ทำให้เกิดการประท้วงของผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ของเคนยาเนื่องจาก เห็นว่า การที่สายเรือ ไม่ว่าจะเป็น MSC และ MAERSK จะเรียกเก็บค่าเรือเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุผลที่อ้างว่า การเดินเรือมีความล่าช้าจากปัญหาการเดินเรือต้องอ้อมเส้นทางในทะเลแดงที่เสี่ยงต่อการโจมตีของกบฎฮูตี และการจัดการของท่าเรือในแอฟริกา เช่น Mombasa ของเคนยา Dar Es Salaam ของแทนชาเนีย มีการใช้เวลานานมากเกินที่บริษัทกำหนดไว้ที่ประมาณ 5 วันนั้น ทำให้สายเรือมีต้นทุนในการขนส่งหรือถ่ายสินค้าระยะเวลานานมากขึ้น ซึ่งผู้นำเข้าและส่งออกเคนยาได้มีความเห็นว่า การล่าช้าของการขนถ่ายสินค้านั้น เป็นการทำงานไม่มีประสิทธิภาพของท่าเรือไม่ใช่ความผิดของผู้รับบริการ และกล่าวอ้างว่า การขึ้นค่าธรรมเนียมนี้ ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากการท่าเรือเคนยา

 

โดยยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ผู้ส่งออกและนำเข้าต่างได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลเคนยา ขึ้นภาษีและค่าธรรมเนียมหลายอย่างที่ทำให้ต้นทุนในการทำธุรกิจของพวกเขาได้รับผลกระทบและมีต้นทุนสูงขึ้นกว่าร้อยละ 15-20 โดยประมาณ จะส่งผลให้สินค้าและค่าครองชีพของเคนยาสูงขึ้น และกระทบต่อผู้บริโภคของเคนยาโดยรวม ซึ่งอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลในเรื่องดังกล่าว และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า พวกตนจะยังไม่จ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าว จนกล่าวค่าธรรมเนียมที่ว่านี้ จะได้รับความเห็นชอบผ่านการท่าเรือของเคนยาก่อน  อย่างไรก็ดี สายเรือดังกล่าวแจ้งว่า หากผู้ใช้บริการไม่จ่ายค่าธรรมเนียมที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สินค้าที่จะนำเข้ามาหรือส่งออกไปจากเคนยาก็จะไม่สามารถให้บริการได้ และอ้างว่า หน่วยงานของเคนยาได้รับทราบการขึ้นอัตราค่าบริการดังกล่าวเรียบร้อยแล้วก่อนมีการประกาศใช้ในวันที่ 13 มกราคม 2568

 

ความเห็นของ สคต.

 

การขึ้นค่าธรรมเนียมเรือของสายเรือที่ให้บริการในแอฟริกาทั้งสองรายข้างต้นนั้น น่าจะทำให้กำลังชื้อของผู้บริโคในเคนยาและแอฟริกาตะวันออกลดลง เนื่องจากต้นทุนดังกล่าว จะส่งผ่านต่อไปถึงราคาสินค้าที่แพงขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับไทยนั้น ผู้ประกอบการควรเร่งการประสานกับสายเรือดังกล่าวว่า ค่าธรรมเนียมดังกล่าวนี้ จะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าที่จะส่งมาแอฟริกาและตะวันออกกลางมากน้อยเพียงไร เพราะมาตรการนี้ เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากการให้บริการเดินเรือขนส่งสินค้าในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ซึ่งจะเริ่มมีผลในเดือนมกราคม 2568 ตามข่าวข้างต้น จึงเป็นเรื่องที่ผู้ส่งออกไทยควรต้องรีบทำการบ้านในการบริหารค้นทุนของตนเองให้กระทบต่อผู้นำเข้าหรือผู้บริโภคให้น้อยที่สุด ไม่เช่นนั้น หากราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นมากเกินไปก็อาจจะส่งผลให้อาจมีการนำเข้าสินค้าหรือบริโภคสินค้านั้นๆ ลดลงได้ต่อไป

 

ผู้ส่งออกที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมด้านการค้าและการลงทุนต่าง ๆ เกี่ยวประเทศเคนยา และประเทศในแอฟริกาตะวันออก ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ E-mail: ของสำนักงานฯ ที่ info@ocanairobi.co.ke

 

ที่มา : the EastAfrican

jaJapanese