ที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีได้ขยายตัวสูงมาก จนทำให้กลุ่มแรงงานต่าง ๆ ได้ออกมาประท้วงก่อนบ่อยครั้ง จนสุดท้ายสหภาพแรงงานได้ออกมาเรียกร้องให้มีการปรับอัตราค่าจ้างสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ในปีนี้หลายๆ องค์กรจะได้ปรับอัตราค่าจ้างให้สูงขึ้นจนเป็นประวัติการณ์แล้วก็ตาม แต่เงินที่อยู่ในกระเป๋าจริง ๆ ก็โตไม่ทันอัตราเงินเฟ้อและก็ถือว่ายังน้อยกว่าเดิมอยู่ดี และจากข้อมูลจากสถาบัน Leibniz หน่วยงานเพื่อการวิจัยทางเศรษฐกิจแห่งเมือง Halle (IWH – Leibniz-Institut für Wirtschaftsforschung Halle) โดยนาย Oliver Holtemöller รองประธาน IWH ออกมาเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ Handelsblatt ว่า “IWH ได้นำตัวเลขรายได้ภายหลังที่ปรับค่าจ้างในกลุ่มแรงงานของธุรกิจเคมี ธุรกิจเหล็กกล้า ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ไปรษณีย์เยอรมัน และลูกจ้างของรัฐ มาวิเคราะห์แล้วพบว่า ในธุรกิจเคมี นายจ้างและสหภาพแรงงานได้สรุปในเดือนตุลาคม 2022 ว่า จะได้รับเงินช่วยเหลือ 1,500 ยูโร 2 ครั้ง คือ ในวันที่ 1 มกราคม 2023 และวันที่ 1 มกราคม 2024 โดยจะมีการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้น 3.25% ซึ่งจากการคำนวณของนาย Holtemöller แสดงให้เห็นว่า ผู้มีรายได้ระดับกลางของกลุ่มธุรกิจเคมีไม่ได้รับเงินค่าจ้างจริงสูงขึ้น ซึ่งการปรับเงินค่าจ้างดังกล่าวเป็นเพียงแค่ “การแก้ปัญหาระยะสั้น” เท่านั้น
สำหรับธุรกิจเหล็กกล้าและธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ จากการเจรจาระหว่างนายจ้างกับสหภาพแรงงานในเดือนพฤศจิกายน 2022 มีผลสรุปว่า ลูกจ้างจะได้รับเงินช่วยเหลือเพื่อทดแทนอัตราเงินเฟ้อจำนวน 3,000 ยูโร โดยจะทยอยจ่าย 2 ครั้ง แบบไม่มีการเก็บภาษีและจะปรับเงินเดือน ในวันที่ 1 มิถุนายน 2023 ขึ้น 5.2% และในวันที่ 1 พฤษภาคม 2024 อีก 3.3% หลังจากที่นาย Holtemöller วิเคราะห์แล้ว พบว่า รายได้จริงของลูกจ้างเพิ่มขึ้นแค่ 1.4% เท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถที่จะห้ามไม่ให้อัตราเงินเฟ้อมากัดกินรายได้จริงในปีนี้ลงอีก 0.5%
กลุ่มแรงงานที่ได้รับการปรับค่าจ้างสูงที่สุด คือ กลุ่มไปรษณีย์ ได้รับเงินค่าจ้างสูงขึ้น 7.2% โดยผลการเจรจาทำให้แรงงานได้รับเงินทดแทนอัตราเงินเฟ้อที่ 1,020 ยูโร ซึ่งจะชำระให้ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2023 และตั้งแต่พฤษภาคม 2023 – มีนาคม 2024 จะได้รับเงินทดแทนฯ อีกเดือนละ 180 ยูโร อีกทั้งในเวลาเดียวกันตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 ค่าจ้างก็จะปรับเพิ่มขึ้น 340 ยูโรต่อเดือน พอ IWH นำตัวเลขมาวิเคราะห์แล้วพบว่า แม้จะมีการเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้นแต่ก็ยังไม่สามารถนำมาทดแทนค่าใช้จ่ายที่เกิดจากภาษี และอัตราเงินเฟ้อได้ นั้นหมายความว่าแรงงานของกลุ่มไปรษณีย์เยอรมันมีรายได้จริงลดลง 4.2%
สำหรับกลุ่มลูกจ้างของภาครัฐ โดยในเดือนมิถุนายนนี้นายจ้างจะให้เงินทดแทนที่ 1,240 ยูโร และจนถึงกุมภาพันธ์ 2024 ในทุก ๆ เดือนจะได้เงินเพิ่มขึ้น 220 ยูโร และตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024 เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นเดือนละ 200 ยูโร และปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้น 5.5% แต่หากกลุ่มรายได้ใดที่อัตราค่าจ้างที่ปรับขึ้นนี้ยังไม่ถึง 340 ยูโร แรงงานกลุ่มนี้ก็จะได้การปรับค่าจ้างสูงขึ้นอย่างต่ำที่ 340 ยูโรแน่นอน (เพื่อช่วยเหลือแรงงานที่อยู่ในหมวดค่าแรงงานต่ำ) แม้ว่าการเจราจานี้จะทำให้ลูกจ้างของรัฐดูเหมือนมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 6% แต่จากการคำนวณของ IWH แสดงให้เห็นว่า หลังจากนำอัตราเงินเฟ้อมาคำนวณดูแล้วรายได้ที่แท้จริงของพวกเขาลดลง 2.5%
จะมีเพียงแรงงานในกลุ่มเคมี และธุรกิจเหล็กกล้า และธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะมีการเจราจาด้านการปรับอัตราค่าจ้างอีกครั้งในปีหน้า เพราะข้อตกลงเรื่องอัตราค่าจ้างที่เจรจาไว้จะสิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน 2024 และกันยายน 2024 ตามลำดับ สำหรับแรงงานไปรษณีย์และลูกจ้างบองรัฐกว่าข้อตกลงเรื่องอัตราค่าจ้างที่เจรจาไว้จะสิ้นสุดลงก็ช่วงสิ้นปี 2024
จาก Handelsblatt 26 พฤษภาคม 2566
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน (Thanit Hirungitrungsri)