เวียดนามยังคงเป็นผู้ส่งออกข้าวหลักของฟิลิปปินส์แม้ว่าอินเดียจะผ่อนคลายข้อจำกัดส่งออก

 

       กรมการค้าต่างประเทศของอินเดีย (India’s Directorate of Foreign Trade) ประกาศยกเลิกการห้ามส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่บาสมาติ โดยรัฐบาลอินเดียกำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำที่ 490 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน

            นาย Fermin D. Adriano อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์คาดว่า ผู้ส่งออกข้าวเวียดนาม จะสามารถแข่งขันราคาที่ต่ำกว่าจากอินเดียได้ ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวโดยรวมลดลง ทั้งนี้ เวียดนามเป็นผู้จัดหาข้าวรายใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ โดยทั้งสองรัฐบาลได้ลงนามในข้อตกลงร่วมการจัดหาข้าวเมื่อเดือนมกราคม ที่ให้โควตาข้าวแก่ฟิลิปปินส์ปีละ 1.5 – 2 ล้านตันต่อปีเป็นเวลา 5 ปี อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์เสริมว่า ผู้นำเข้าฟิลิปปินส์จะยังคงนำเข้าข้าวจากเวียดนามแทนการสั่งซื้อจากอินเดียเนื่องจากไม่คุ้นเคยกับผู้ส่งออกดังกล่าว นอกจากนี้ อินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวขาวรายใหญ่ที่สุดของโลกได้ระงับการส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่บาสมาติตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเรื่องอุปทานภายในประเทศ ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลก เพิ่มสูงขึ้น โดยนาย Francisco Tiu Laurel Jr. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ คาดหวังว่าราคาข้าวในตลาดโลกจะลดลง

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ยังกล่าวว่า การระงับการส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่บาสมาติของอินเดียทำให้ราคาข้าวโลกสูงขึ้นและส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลกำลังจับตาเพื่อสามารถซื้อข้าวได้ในราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อที่จะทำให้ราคาข้าวในประเทศลดลงประธานาธิบดี Ferdinand R. Marcos, Jr. ได้ออกคำสั่ง Executive Order (EO) No. 62 เพื่อปรับปรุงโครงการภาษีใหม่ โดยมีการลดอัตราภาษีนำเข้าข้าวทั้งในโควตาและนอกโควตาลงเหลือร้อยละ 15 จากร้อยละ 35 จนถึงปี 2571 ซึ่งอาจทำให้ราคาข้าวลดลง 6 – 7 เปโซต่อกิโลกรัม

นาย Raul Q. Montemayor ผู้จัดการของสหพันธ์เกษตรกรเสรี (Federation of Free Farmers National) กล่าวว่า การยกเลิกการห้ามส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่บาสมาติของอินเดียจะทำให้ปริมาณข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ราคาลดลง โดยเสริมว่า ราคาส่งออกขั้นต่ำของอินเดียต่ำกว่าราคาที่ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ เช่น เวียดนามและไทย ประมาณร้อยละ 10 อยู่ที่ 500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ซึ่งเป็นเพียงขั้นต่ำราคาขายจริงอาจสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังเสริมว่า ผู้นำเข้าจะยังไม่ได้เลือกซื้อข้าวจากอินเดียเป็นลําดับแรกแม้ว่าจะมีราคาที่ต่ำกว่า เนื่องจากมีความกังวลเรื่องคุณภาพและความน่าเชื่อถือ โดยในอดีตมีการนำเข้าข้าวจากปากีสถานมากกว่านำเข้าข้าวจากอินเดีย

นาย William D. Dar อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีสำหรับทั่วโลกและโดยเฉพาะฟิลิปปินส์ที่มีคำสั่ง Executive Order (EO) No. 62 ทำให้ผู้นำเข้าจะมีทางเลือกในการเลือกแหล่งที่มาของข้าวในราคาที่ถูกลง ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวประมาณร้อยละ 20 ของความต้องการข้าวในประเทศ โดยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์เสริมว่า ข้าวจากอินเดียจะเป็น ที่น่าสนใจของผู้นำเข้าเพราะมีราคาถูกกว่า หากมีคุณภาพข้าวเทียบเท่ากับข้าวจากเวียดนามและไทย

ข้อมูลจากสำนักอุตสาหกรรมพืช (Bureau of Plant Industry: BAI) ณ วันที่ 19 กันยายน 2567 ฟิลิปปินส์มีการนำเข้าข้าวปริมาณ 3.09 ล้านตัน โดยเป็นการนำเข้าข้าวจากปากีสถานปริมาณ 157,044 ตัน ขณะที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ คาดว่าฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวสูงถึง 4.6 ล้านตันในปีนี้

ที่มา: หนังสือพิมพ์ BusinessWorld 

บทวิเคราะห์และข้อคิดเห็น

  • ฟิลิปปินส์เป็นตลาดที่มีบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก โดยมีการบริโภคเฉลี่ยมากถึงปีละประมาณ 16 ล้านตัน ทั้งนี้ แม้ว่าฟิลิปปินส์จะมีการเพาะปลูกเพื่อการบริโภคภายในประเทศ แต่ไม่สามารถผลิตข้าวเพื่อการพึ่งพาตนเองได้ หรือไม่สามารถผลิตข้าวได้เพียงพอกับความต้องการ โดยสามารถผลิตได้เพียงปีละประมาณ 12 ล้านตัน ทำให้จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวประมาณปีละ 3-5 ล้านตัน ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ยังเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเสี่ยงที่สุดในเอเชียเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักพื้นฐานของประเทศที่มีความท้าทายหลายประการในการผลิตข้าวให้เพียงพอกับความต้องการและการขยายตัวของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากในแต่ละปี นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุไต้ฝุ่นที่ส่งผลต่อความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตรทุกปี รวมทั้ง การขาดแคลนเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของประชากรในแรงงานภาคเกษตรและล่าสุดความกังวลต่อผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่อาจทำให้ผลผลิตข้าวในประเทศลดลงทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งหามาตรการต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีอุปทานและสต็อกข้าวที่เพียงพอในการรับมือกับสถานการณ์ความเสี่ยงต่างๆ ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ ฟิลิปปินส์จะต้องนำเข้าข้าวมากถึง 4.1 ล้านตัน เพื่อเสริมอุปทานข้าวในประเทศและสำรองข้าวไว้ใช้ในยามขาดแคลน ทั้งนี้ ปัจจุบันฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวอันดับ 1 ของโลก ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในตลาดส่งออกข้าวศักยภาพของไทยโดยไทยเป็นหนึ่งในแหล่งนำเข้าข้าวสำคัญของฟิลิปปินส์รองจากประเทศเวียดนามที่ครองส่วนแบ่งตลาดข้าวนำเข้าในฟิลิปปินส์มากกว่าร้อยละ 80 โดยในปี 2566 ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวปริมาณรวม 3.61 ล้านตันลดลงร้อยละ 6.65 จากปี 2565 ที่มีปริมาณนำเข้า 3.87 ล้านตัน โดยนำเข้าจากเวียดนามมากเป็นอันดับ 1 ปริมาณ 2.97 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 82.23 รองลงมาได้แก่ ไทย ปริมาณ 3.42 แสนตัน (ร้อยละ 9.46) และเมียนมา ปริมาณ 1.56 แสนตัน (ร้อยละ 4.33) ตามลำดับ ทั้งนี้ ข้าวไทยมีข้อได้เปรียบสำคัญในเรื่องคุณภาพมาตรฐานที่เป็นที่เชื่อมั่นใจของผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์และสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น เนื่องจากราคาข้าวไทยปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่งแต่ยังคงต้องแข่งขันกับประเทศคู่แข่งสำคัญ คือ เวียดนามที่มีพันธุ์ข้าวขาวพื้นนุ่มตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาและผลิตพันธุ์ข้าวให้มีความหลากหลาย โดยเฉพาะข้าวขาวพื้นนุ่มเพื่อตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการของตลาดฟิลิปปินส์จึงจะมีโอกาสในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดข้าว
    ในฟิลิปปินส์ได้มากขึ้นต่อไป

—————————————————-

マニラの海外貿易促進事務所

ตุลาคม 2567

jaJapanese