ในบรรดาผลไม้เมืองร้อนหลากชนิดที่มีขายในตลาดอิหร่าน กล้วยหอมเป็นผลไม้นำเข้าที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด ซึ่งในแต่ละปีอิหร่านมีการนำเข้าผลไม้เมืองร้อนเฉลี่ยมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นปริมาณ 50,000 ตัน แยกเป็นการนำเข้ากล้วยมูลค่าประมาณ 700-800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือปริมาณ 30,000 ตัน นำเข้าจากประเทศ เอกวาดอร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิตาลี ปากีสถาน ตุรกี จีน ฟิลิปปินส์ โคลอมเบีย และอินเดีย ที่เหลือเป็นผลไม้ประเภทสับปะรด มะม่วงและมะพร้าว
เนื่องจากนโยบายการพึ่งพาตนเอง และนโยบายความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลอิหร่านให้ความสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่ผู้นำสูงสุดเน้นย้ำมาโดยตลอด รวมทั้งการป้องกันการไหลออกของเงินตราต่างประเทศที่ไม่จำเป็น เป็นผลให้ทางกระทรวงเกษตรของอิหร่านจึงมีนโยบายที่จะปลูกกล้วยหอมทดแทนการนำเข้าภายใน 4 ปีข้างหน้า ซึ่งจากการวางแผนการปลูกผลไม้เมืองร้อนในโรงเรือนทางภาคใต้ของประเทศที่มีพื้นที่กว่า 700-800 เฮกเตอร์นั้น คาดว่าภายใน 7- 8 ปีข้างหน้าคาดว่าอิหร่านจะไม่พึ่งพาการนำเข้ามะม่วงและกล้วยจากต่างประเทศอีกต่อไป
ปัจจุบัน อิหร่านอนุญาตให้มีการนำเข้าผลไม้ได้เพียง 4 ชนิด ได้แก่ กล้วย สับปะรด มะพร้าว และมะม่วง โดยกล้วยได้รับความนิยมสูงสุดในบรรดาผลไม้เมืองร้อน เนื่องจากรับประทานง่าย และมีส่วนเหลือทิ้งน้อยสุดหากเทียบกับผลไม้เมืองร้อนฃนิดอื่นๆ
ทั้งนี้ ผลไม้เมืองร้อนในอิหร่านนับเป็นผลไม้ในกลุ่มสินค้าหรูหรา เนื่องจากรูปลักษณ์และสีสรรที่มีความดึงดูด ทำให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้สูง และผู้บริโภคที่เคยเดินทางไปประเทศไทย หรือต่างประเทศ ซึ่งแม้แต่ผู้ที่ไม่เคยรับประทานผลไม้เมืองร้อนก็ยังมีความต้องการที่จะหาซื้อมารับประทานให้ได้อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต แม้จะมีราคาที่แพงก็ตาม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลอิหร่านจะไม่อนุญาตให้นำเข้าผลไม้เมืองร้อนได้นอกเหนือจากผลไม้ที่อนุญาตเพียง 4 ชนิดข้างต้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้บริโภคอิหร่านยังสามารถหาซื้อผลไม้เมืองร้อนมารับประทานได้จากร้านขายของชำ ห้างสรรพสินค้าในย่านคนรวย หรือตลาดสดที่ตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงเตหะราน หรือห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กที่ขายสินค้าเฉพาะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อสินค้าผ่านสื่อออนไลน์ หรือผ่านสังคมโซเชียลต่างๆ ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างมากในอิหร่าน