ยอดขายรถยนต์ฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 ในเดือนพฤศจิกายน 2567

          ยอดขายรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 จากช่วงเดียวกันของปี 2566โดยได้รับแรงหนุนหลักจากความต้องการรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (Commercial vehicles)

          ตามรายงานหอการค้าผู้ผลิตยานยนต์แห่งฟิลิปปินส์ (Chamber of Automotive Manufacturers of the Philippines, Inc.: CAMPI) และสมาคมผู้ผลิตรถบรรทุก (Truck Manufacturers Association: TMA) ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 40,898 คัน เพิ่มขึ้นจาก 37,683 คัน ในเดือนพฤศจิกายน 2566 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 จากเดือนตุลาคม 2567 ที่มียอดขายรถยนต์อยู่ที่ 40,003 คัน ทั้งนี้ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (Commercial vehicles) ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 76 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดมียอดขายอยู่ที่ 31,062 คัน ในเดือนพฤศจิกายน 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 จากเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่มียอดขายอยู่ที่ 28,114 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 จากเดือนตุลาคม 2567 ที่มียอดขายอยู่ที่ 29,959 คันโดย แบ่งเป็นยอดขายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก (Light commercial vehicle) มียอดขายอยู่ที่ 22,115 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2) รถยนต์เอนกประสงค์ในเอเชีย (AUV) มียอดขายอยู่ที่ 7,890 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.7) และรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดเล็ก (Light-duty trucks and buses) มียอดขายอยู่ที่ 665 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5) อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดกลาง (Medium-duty trucks and buses) มียอดขายอยู่ที่ 318 คัน (ลดลงร้อยละ 4.8) และยอดขายรถบรรทุกขนาดใหญ่ (Heavy trucks) มียอดขายอยู่ที่ 74 คัน (ลดลงร้อยละ 22.1) ในขณะที่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Passenger cars) ซึ่งมีสัดส่วนประมาณหนึ่งในสี่ของยอดขายรถยนต์รวมทั้งหมด มียอดขายอยู่ที่ 9,836 คัน เพิ่มขึ้นจาก 9,569 คัน ในเดือนพฤศจิกายน 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2567 รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Passenger cars) มียอดขายลดลงร้อยละ 2.07 หรือมียอดขายทั้งสิ้น 10,044 คัน ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรก (มกราคม – พฤศจิกายน) ของปี 2567 ยอดขายรถยนต์ทั้งหมดมีจำนวนทั้งสิ้น 425,208 คัน เพิ่มขึ้นจาก 390,654 คัน จากช่วงเดียวกันของปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 ทั้งนี้ ในช่วงCAMPI-TMA ระบุว่า การเติบโตดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงส่วนแบ่งทางการตลาดของการจำหน่ายรถยนต์ในฟิลิปปินส์ โดยในช่วง 11 เดือนแรก (มกราคม – พฤศจิกายน) ของปี 2567 รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Passenger cars) มีส่วนแบ่งทางการตลาด คิดเป็นร้อยละ 26.02 ด้วยยอดขาย 110,645 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (Commercial vehicles) มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 อยู่ที่ 314,563 คัน จากยอดขายจำนวน 290,989 คันในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนหลักจากยอดขายรถยนต์อเนกประสงค์ในเอเชีย (AUV) นอกจากนี้ CAMPI-TMA กล่าวเสริมว่า กลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ในเอเชีย (AUV) มีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมียอดขายในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม – พฤศจิกายน) อยู่ที่ 74,989 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.3) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดขายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก ประเภทที่ 2 (Light commercial vehicles : Category II) มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 อยู่ที่ 229,313 คัน และรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ (Heavy-duty trucks and buses) มียอดขายลดลงร้อยละ 33.5 อยู่ที่ 638 คัน

          นาย Michael L. Ricafort หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร Rizal Commercial Banking Corp. กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นสัญญาณที่ดีของการเติบโตทางเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ โดยที่อัตราการเพิ่มขึ้นของยอดขายและการผลิตรถยนต์ในประเทศในเดือนที่ผ่านๆ มา สามารถรักษาระดับที่สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของ GDP ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ จากปัญหาระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ครอบคลุมในหลายพื้นที่ของประเทศ ยังเป็นปัจจัยที่เพิ่มความต้องการซื้อรถยนต์ของชาวฟิลิปปินส์ ที่ปัจจุบันมีตัวเลือกของผู้ผลิตและรุ่นของรถยนต์มากขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงทั้งจากผู้ผลิตรถยนต์ในเอเชียและผู้ผลิตในระดับโลก ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ในช่วง 11 เดือนแรก (เดือนมกราคม – พฤศจิกายน) ของปี 2567 บริษัท Toyota Motor Philippines Corp. ยังคงเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 46.51โดยมียอดขายรวม 197,756 คัน เพิ่มขึ้นจาก 180,480 คัน ในช่วงเดียวกันของปี 2566 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6) รองลงมาได้แก่ บริษัท Mitsubishi Motors Philippines Corp. ที่มียอดขาย 81,401 คัน เพิ่มขึ้นจาก 71,833 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3) หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 19.14 บริษัท Ford Motor Co. Phils., Inc. โดยมียอดขายลดลงอยู่ที่ 25,770 คัน จาก 28,586 คัน (ลดลงร้อยละ 9.9) หรือมีส่วนส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 6.06 บริษัท Nissan Philippines, Inc. ที่มียอดขายลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 24,516 คัน (ลดลงร้อยละ 0.9) มีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 5.77 และบริษัท Suzuki Phils., Inc. ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 18,515 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 11) มีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 4.35 ตามลำดับ นอกจากนี้ ข้อมูลจาก CAMPI-TMA ยังเผยให้เห็นว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จำนวน 16 ราย จาก 31 ราย มียอดขายที่ลดลงในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 ทั้งนี้ CAMPI ได้ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ในปี 2567 ไว้ที่ 500,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.3 จากปี 2566 ซึ่งหากบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ จะเป็นยอดขายที่สูงสุดของอุตสาหกรรมรถยนต์ของฟิลิปปินส์อีกด้วย

ที่มา: หนังสือพิมพ์ Business World

บทวิเคราะห์และข้อคิดเห็น

-อุตสาหกรรมยานยนต์ในฟิลิปปินส์มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายรถยนต์ในปี 2567 ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งสะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณเชิงบวกของการฟื้นตัวของตลาดยนต์ในฟิลิปปินส์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความต้องการของผู้บริโภค อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ การเปิดตัวของรถยนต์รุ่นใหม่ และแนวโน้มการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นสินค้าที่ไทยส่งออกมายังประเทศฟิลิปปินส์เป็นอันดับ 1 ในช่วง 11 เดือนแรก(มกราคม – พฤศจิกายน) ของปี 2567 โดยไทยส่งออกสินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบมูลค่ารวม 2,309.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 5.30 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่า 2,01 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ด้วยแนวโน้มการเติบโตของยอดขายรถยนต์ใหม่ของฟิลิปปินส์ที่คาดว่าจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตเศรษฐกิจเชิงบวก การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ การเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงฐานจำนวนประชากรขนาดใหญ่ของฟิลิปปินส์ ในขณะที่ยังมีอัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ในระดับต่ำ ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในฟิลิปปินส์ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและสามารถเติบโตได้อีกมากในอนาคต อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และควรปรับแผนกลยุทธ์รองรับที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

 

———————————————————————————–

マニラの海外貿易促進事務所

ธันวาคม 2567

jaJapanese