เศรษฐกิจแคนาดาไตรมาสแรกขยายตัวดีเกินคาด อาจขึ้นดอกเบี้ยต่อสกัดเงินเฟ้อ

เศรษฐกิจแคนาดาไตรมาสแรกขยายตัวดีเกินคาด อาจขึ้นดอกเบี้ยต่อสกัดเงินเฟ้อ

Mr. Tiff Macklem ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา

ตัวเลขเศรษฐกิจแคนาดาไตรมาสแรกของปี 2566 ขยายตัวที่ระดับร้อยละ 3.1 ซึ่งสูงกว่าเคยคาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 2.5 ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์ โดยตัวเลขล่าสุดแสดงถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่สูง นอกจากนี้ การประเมินตัวเลขเศรษฐกิจ โดยหน่วยงาน Statistics Canada ในเดือนเมษายน 2566 มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจยังสามารถขยายตัวได้ที่ระดับร้อยละ 0.2 โดยตัวเลขล่าสุดได้สะท้อนถึงความยืดหยุ่น (Resilience) ของเศรษฐกิจแคนาดา ที่นักวิเคราะห์ต่างๆ ได้เคยคาดการณ์ว่าแคนาดาจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง และ Worst Case Scenario เศรษฐกิจแคนาดาอาจต้องเผชิญกับการถดถอยทางเศรษฐกิจเริ่มในไตรมาส 2 ของปี 2566

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากความร้อนแรงของตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดนั้น ได้เริ่มสร้างความกังวลให้กับนักวิเคราะห์ที่เคยคาดว่าธนาคารกลางแคนาดาหยุดนโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว จะต้องทบทวนปรับเป็นดอกเบี้ยขาขึ้นอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ได้ประเมินว่าความน่าจะเป็นที่ธนาคารกลางแคนาดาจะประกาศขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป อยู่ที่ร้อยละ 25 แต่เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดประกาศออกมาดีเกินคาด ทำให้นักวิเคราะห์ได้ปรับการคาดการณ์ความน่าจะเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับ
ร้อยละ 33

ความกังวลก่อนหน้านี้ที่ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของปี 2565 ได้มีทิศทางชะลอตัว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐตั้งแต่ช่วงโควิด การอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจได้เริ่มหมดลง ได้สร้างความกังวลให้กับทั้งภาครัฐบาลและเอกชนว่าแคนาดามีความเสี่ยงการถดถอยทางเศรษฐกิจในปี 2566 แต่ตัวเลขล่าสุดกลับมีผลตรงกันข้าม ที่ภาคการบริโภคของชาวแคนาดายังคงขยายตัวได้ ปรับเพิ่มขึ้นทั้งในการบริโภคสินค้าและภาคบริการ             ซึ่งก่อนหน้านี้ นาย Tiff Macklem ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ได้เคยประกาศว่าจะหยุดนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.5 ที่เป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 หรือในรอบ 16 ปี ที่ธนาคารกลางมีความกังวลว่าดอกเบี้ยที่สูงอาจส่งผลเชิงลบต่อเศรษฐกิจทั้งภาคการบริโภคและการลงทุน และอาจลามไปถึงวิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่ ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อล่าสุดในเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.4 ที่ได้เริ่มปรับลดลง แต่ก็ยังสูงกว่ากรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับร้อยละ 2 ที่อาจต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อให้กลับสู่ระดับเป้าหมาย

นักวิเคราะห์จับตาการเคลื่อนไหวของตัวเลขอัตราการว่างงานในแคนาดา ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือชี้วัดสภาวะเศรษฐกิจถึงกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยตัวเลขล่าสุดในเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ระดับร้อยละ 5 นับว่ายังคงเป็นตัวเลขอัตราการว่างงานที่ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด ปัจจุบันตลาดแรงงานโดยเฉพาะในภาคธุรกิจบริการที่ยังคงมีการขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ได้มีทิศทางอ่อนตัวลง ยกเว้นสายอาชีพคอมพิวเตอร์ IT ที่ภาคเอกชนเริ่มประกาศปลดคนงาน แต่ก็นับว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำในตลาดแรงงานในภาพรวมในแคนาดา นับว่าเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับธนาคารกลางแคนาดาที่จะใช้นโยบายอะไรเพื่อประคับประคองให้เศรษฐกิจไม่ถดถอยอย่างรุนแรง และสามารถสกัดเงินเฟ้อ ปรับลดลงมาอยู่ในกรอบที่ระดับร้อยละ 2

ความเห็นของ สคต.

ตัวเลขสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุดในแคนาดา GDP ในไตรมาสแรกของปี 2566 สามารถขยายตัวที่ระดับ 3.1 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 2.5 และตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดในเดือนเมษายน 2566 ที่ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจแคนาดายังคงขยายตัวได้ที่ระดับร้อยละ 0.2 ยังไม่มีสัญญาณการถดถอยทางเศรษฐกิจ ทั้งในภาคบริโภค การจ้างงานยังคงอยู่ในระดับที่ดี ถึงแม้ว่านักวิเคราะห์ยังมีความกังวลต่อ
สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดที่ดีเกินคาดนั้น อาจส่งผลเชิงลบทำให้ธนาคารกลางแคนาดาอาจต้องทบทวนนโยบายดอกเบี้ยโดยปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม เพื่อสกัดเงินเฟ้อปรับลงมาอยู่ในกรอบร้อยละ 2 แต่ก็มาด้วยความเสี่ยงของการถดถอยทางเศรษฐกิจ ที่เริ่มส่งสัญญาณของระดับหนี้ของประชาชนหรือภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น (จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา) โดยปัจจุบันแคนาดาเป็นประเทศที่มีอัตราหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศ G7 ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงของเศรษฐกิจแคนาดา ที่ผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์สภาวะเศรษฐกิจภายในแคนาดาอย่างใกล้ชิด

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวในการค้าระหว่างประเทศผ่าน ช่องทางต่างๆ ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ www.ditp.go.th และ www.thaitrade.com หรือโทรปรึกษาเรื่องการค้าระหว่างประเทศที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทร.1169 (หากโทรจากต่างประเทศ โปรดติดต่อที่ โทร. +66 2792 6900)