อาหารกระป๋องเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและยังเป็นอุตสาหกรรมส่งออกดั้งเดิมของจีน โดยปัจจุบันอาหารกระป๋องเป็นอาหารสำเร็จรูปที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีนเป็นอย่างมาก สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ การต้องการความเรียบง่าย การชื่นชอบสินค้าแฟชั่น และกิจกรรมกีฬากลางแจ้ง ตลอดจนความนิยมในการท่องเที่ยว โดยพฤติกรรมและความชื่นชอบต่อกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ นำมาซึ่งโอกาสของอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องในตลาดจีนที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

เนื้อสัตว์กระป๋องเป็นหนึ่งในอาหารกระป๋องที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความนุ่มเหนียวอร่อย มีความมันแต่ไม่เลี่ยน ให้ความรู้สึกละลายในปาก มีรสชาติเค็มหวานพอเหมาะ นอกจากนี้ เนื้อสัตว์กระป๋องไม่เพียงเป็นการถนอมอาหารที่ช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการของวัตถุดิบให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ แต่ยังสามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน และถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่ต้อการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและดีต่อสุขภาพ

ในปี ค.ศ. 2022 จีนส่งออกอาหารกระป๋องประมาณ 3.13 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0 (YoY) หรือคิดเป็นมูลค่า 6,890 ล้านสหรัฐ หรือประมาณ 234,2600 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.0 (YoY) ซึ่งการขยายตัวทั้งด้านปริมาณและมูลค่าต่างสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ โดยในบรรดาอาหารกระป๋องทั้งหมดนี้ พบว่าผักและผลไม้กระป๋องมีสัดส่วนการส่งออกมากที่สุด นอกจากนี้ อาหารกระป๋องที่สามารถรับประทานได้ทันที และเห็ดกระป๋องก็มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  ในขณะเดียวกัน ปัจจุบันก็พบว่าจีนมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องถึง 46,000 ราย โดยในจำนวนนี้ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตที่สำคัญในอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องกว่า 900 ราย และมีกำลังการผลิต 10 ล้านตันต่อปี (อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐ เท่ากับ 34 บาท)

เมื่อพิจารณาแนวโน้มความต้องการในการรับประทานอาหารกระป๋องของชาวจีนพบว่า ประชากรชาวจีนมีการบริโภคเนื้อสัตว์รวมกันมากถึง 100 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27 ของการบริโภคเนื้อสัตว์ทั่วโลก แต่เมื่อพิจารณาปริมาณการบริโภคเนื้อสัตว์เฉลี่ยต่อหัวประชากรกลับยังมีสัดส่วนน้อยกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากโครงสร้างการบริโภคเนื้อสัตว์ของชาวจีน มีการเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต โดยพบว่า ในช่วงปี ค.ศ. 2017 – 2021 มีการบริโภคเนื้อหมูจากสัดส่วนร้อยละ 63 ลดลงเป็นร้อยละ 59 ขณะที่การบริโภคเนื้อสัตว์ปีกและเนื้อวัวกลับขยับเพิ่มเป็นร้อยละ 26 และร้อยละ 10 ตามลำดับ

ปัจจุบันจีนถือเป็นตลาดบริโภคและผลิตเนื้อหมูที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยในปี ค.ศ. 2021 จีนมีปริมาณการผลิตเนื้อหมูคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.09 ของปริมาณการผลิตทั่วโลก และปริมาณการบริโภคเนื้อหมูของจีนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46 ของปริมาณการบริโภคเนื้อหมูทั่วโลก ขณะที่ ปริมาณการบริโภคเนื้อหมูต่อหัวคิดเป็น 2 เท่าของการบริโภคเนื้อหมูต่อหัวของประชากรโลก

ในช่วงเทศกาล 618 ในปี ค.ศ. 2022 ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์/ เนื้อกระป๋องในตลาดจีนมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาล 618 ของปี ค.ศ. 2021 และปีนี้ก็คาดว่าผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์/ เนื้อกระป๋องจะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแบรนด์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด ได้แก่ แบรนด์ MALING, แบรนด์ SPAM, แบรนด์ GULONG และแบรนด์ SHUANGHUI เป็นต้น ซึ่งการเติบโตของการบริโภคผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์/ เนื้อกระป๋องได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโรคCOVID – 19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่ประชาชนส่วนใหญ่ออกมาจับจ่ายอาหารและของสดไม่สะดวก จึงทำให้อาหารกระป๋องกลายเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการบริโภค ประกอบกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแฮมกระป๋องช่วง 2 – 4 ปีที่ผ่านมานี้ จึงมีส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ขนาดของตลาดเนื้อสัตว์กระป๋องมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี

จากสถิติที่มีการเปิดเผย พบว่าชาวอเมริกันบริโภคอาหารกระป๋องเฉลี่ย 90 กิโลกรัม ส่วนชาวยุโรปบริโภคเฉลี่ย 50 กิโลกรัม ชาวญี่ปุ่นบริโภคเฉลี่ย 2 กิโลกรัม และชาวจีนบริโภคเฉลี่ย 7 กิโลกรัม ขณะที่จีนมีการผลิตอาหารกระป๋องคิดเป็นร้อยละ 25 ของปริมาณการผลิตทั่วโลก จึงทำให้มีการคาดการณ์ว่าในปี ค.ศ.  2023 ตลาดอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องของจีนจะมีมูลค่าทะลุ 320,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 1.6 ล้านล้านหยวน (อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน เท่ากับ 5 บาท)

ผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่อประเทศไทย และแนวทางการปรับตัวของภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการไทย

สืบเนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาความเป็นเมือง ทำให้ชาวจีนมีความเร่งรีบทั้งด้านการเรียนและการทำงาน จนหันมาเลือกอาหารสำเร็จรูปที่ประหยัดเวลา สามารถเก็บรักษาได้นาน และยังคงมีคุณค่าทางโภชนาการ ประกอบกับช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาเกิดการแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ก็ยิ่งทำให้ความต้องการอาหารกระป๋องในจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดอาหารกระป๋องจึงเป็นตลาดที่น่าจับตามองของผู้ประกอบการไทยในช่วงระยะสั้นนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีการพัฒนาอาหารสำเร็จรูปจำนวนมากเข้าสู่ตลาดจีน อาทิ ข้าวอุ่นร้อนเอง หม้อไฟอุ่นร้อนเอง อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีอาหารเดลิเวอรี่ที่มีความสะดวกและรวดเร็วให้บริการเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ตลาดอาหารสำเร็จรูปมีการแข่งขันที่รุนแรงและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้น หากผู้ประกอบการไทยต้องการเข้ามาขยายตลาดอาหารกระป๋องในจีน จะต้องกำหนดทิศทางการพัฒนาอาหารกระป๋องในเชิงสุขภาพ สร้างสรรค์อาหารกระป๋องที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงแต่ต้องไม่ใส่สารปรุงแต่ง มีปริมาณไขมันต่ำ และมีปริมาณแคลอรี่ต่ำ ซึ่งจะช่วยให้อาหารกระป๋องของไทยมีโอกาสที่จะเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคชาวจีนยุคใหม่ที่ยังคงมีความสนใจต่อผลิตภัณฑ์อาหารนำเข้าและชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยต้องให้ความสำคัญต่อการสร้างการรับรู้ของแบรนด์สินค้าไทย เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่ยังคงตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ได้รับความนิยม และมีราคาที่คุ้มค่า

แหล่งที่มา: https://www.chinairn.com/scfx/20230614/143702950.shtml

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว

thThai