รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ เดือนมิถุนายน 2566 – ข้อมูลการค้าออนไลน์ซาอุดีอาระเบีย

ข้อมูลทั่วไป

– ข้อมูลขนาดเศรษฐกิจของประเทศ (GDP)

ในปี 2021 ขนาด GDP ของซาอุดีอาระเบียอยู่ที่ 833.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกรวม 286.50 พันล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้ารวม 213.02 พันล้านเหรียญสหรัฐ

– ข้อมูลสถิติเชิงภูมิศาสตร์ของประชากร (Age/Gender/Education/Ets.)

ซาอุดีอาระเบียมีประชากรราว 36.68 ล้านคน อัตราการเกิดของประชากรซาอุดีอาระเบียร้อยละ 17.50 โดยร้อยละ 57.60 เป็นประชากรชาย และร้อยละ 42.40 เป็นประชากรหญิง ในขณะที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 2.9 อายุเฉลี่ยของประชากรในซาอุดีอาระเบียคือ 30 ปี อายุขัยเฉลี่ยคือ 65 ปี

– ข้อมูลระดับรายได้ต่อหัวของประชากร (GDP Per Capita)

GDP ต่อหัวของซาอุดีอาระเบียเมื่อปรับตามความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ (Purchasing Power Parity – PPP) อยู่ที่ 44,339.31 เหรียญสหรัฐ ต่อหัว

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ เดือนมิถุนายน 2566 - ข้อมูลการค้าออนไลน์ซาอุดีอาระเบีย

– ข้อมูลจำนวนประชากร (Population/Internet Users/Mobile User/Online Shoppers)

ประเทศซาอุดีอาระเบียมีประชากรราว 36.68 ล้านคน มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 36.31 ล้านคน อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ร้อยละ 99.00 ระยะเวลาเฉลี่ยของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 20 นาทีต่อวัน โดยมีการเชื่อมต่อเซลลูลาร์ทั้งหมด 42.50 ล้านครั้ง ในขณะเดียวกันมีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย มากกว่า 29.10 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 79.30 ของประชากรทั้งหมด ร้อยละ 36.9 ของผู้ใช้โซเชียลมีเดียเป็นผู้หญิง และร้อยละ 63.10 ของโซเชียลมีเดียเป็นผู้ใช้ผู้ชาย ประชากรซาอุดีอาระเบียส่วนใหญ่ใช้เวลากับการเล่นโซเชียลมีเดียเฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน โดยอัตราการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการติดต่อสื่อสารกับครอบครัว เพื่อน อยู่ที่ ร้อยละ 45.20 อีกร้อยละ 42.80 ใช้เพื่อตอบสนองความสุข การรับชมรายการ ข่าวสาร ความบันเทิง ร้อยละ 31 ใช้เพื่อค้นหาสินค้าที่ต้องการซื้อ และร้อยละ 30.20 ใช้เพื่อติดตามข่าวสารรอบโลก

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมในซาอุดีอาระเบีย ได้แก่

– WhatsApp มีผู้ใช้งาน 22.33 ล้านคน

– Facebook มีผู้ใช้งาน 17.69 ล้านคน

– YouTube มีผู้ใช้งาน 29.10 ล้านคน

– Instagram มีผู้ใช้งาน 20.49 ล้านคน

– TikTok มีผู้ใช้งาน 26.39 ล้านคน

– Facebook Messenger มีผู้ใช้งาน 12.73 ล้านคน

– LinkedIn มีผู้ใช้งาน 7.30 ล้านคน

– Snapchat มีผู้ใช้งาน 21.15 ล้านคน

– Twitter มีผู้ใช้งาน 18.33 ล้านคน

– Pinterest มีผู้ใช้งาน 7.63 ล้านคน

การช้อปออนไลน์ – นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อของของผู้บริโภคซาอีดอาระเบียเปลี่ยนไป โดยเริ่มนิยมการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากประหยัดเวลาและรวดเร็วทั้งส่วนของการชำระเงินและการรับสินค้า โดยส่วนมากผู้บริโภคที่เป็นผู้หญิงจะทำการซื้อสินค้าออนไลน์สูงกว่าผู้บริโภคชายถึงร้อยละ 74.40 ส่วนผู้บริโภคผู้ชายอยู่ที่ร้อยละ 53.60

– ข้อมูลด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง (Digital Infrastructure)

ตลาดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของซาอุดีอาระเบียขยายตัวรวดเร็วและใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ โดยมูลค่าตลาดอยู่ที่ 41.06 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีการลงทุนในตลาดเทคโนโลยีและการสื่อสารกว่า 24.70 พันล้านเหรียญสหรัฐ

– ข้อมูลความเป็นอยู่และค่านิยมหรือพฤติกรรมการกินอยู่ในภาพรวมคนในประเทศ (Consumer Behaviors)

วัฒนธรรมการบริโภคอาหารของประชากรในซาอุดีอาระเบียแต่เดิม นิยมบริโภคอาหารที่เน้นเนื้อสัตว์จำพวก เนื้อแพะ เนื้อไก่ แป้งและข้าวเป็นหลัก เช่น ข้าวหมก ข้าวมัน ไก่ทอด ไก่ย่าง นอกจากนี้อาหารฟาซฟู๊ดจำพวก แซนวิช แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า ยังเป็นที่นิยมอย่างมาก ในส่วนของผักและผลไม้มักไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร จากการสำรวจของคนอายุ 45 ปีขึ้นไป พบว่าผู้ชายร้อยละ 86.50 และผู้หญิงร้อยละ 87.40 ยังคงบริโภคอาหารแบบเดิมอยู่ แต่ในปัจจุบันผู้บริโภคซาอุดีอาระเบียเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารมากขึ้น เช่น การอ่านแคลอรี่ของอาหาร การทานผักและผลไม้มากขึ้น นอกจากนี้ยังหันมาออกกำลังกาย เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือการออกกำลังกายในฟิตเนส ตลาดอาหารและเครื่องดื่มของซาอุดีอาระเบียมีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยมีมูลค่า 45 พันล้านเหรียญสหรัฐ

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ เดือนมิถุนายน 2566 - ข้อมูลการค้าออนไลน์ซาอุดีอาระเบีย

ข้อมูลตลาดออนไลน์

– ภาพรวมระบบนิเวศน์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ

การซื้อขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซในซาอุดีอาระเบียเริ่มเป็นที่นิยมในประเทศซาอุดีอาระเบีย ประกอบกับช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 ทำให้อีคอมเมิร์สมีบทบาทมากขึ้น โดยตลาดอีคอมเมิร์ซของซาอุดีอาระเบียมีมูลค่าราว ๆ 10.864 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดอีคอมเมิร์สจำแนกตามกลุ่มสินค้า ได้แก่ 5 กลุ่มสินค้า ดังนี้

– Fashion มูลค่า 3209.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

– Electronics & Media มูลค่า 2998.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

– Food & Personal Care  มูลค่า 776.8 ล้านเหรียญสหรัฐ

– Toys, Hoppy & DIY มูลค่า 2401.6 ล้านเหรียญสหรัฐ

– Furniture & Appliances มูลค่า 1477.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

– ความถี่ และค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยในการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ (ต่อครั้ง/ต่อปี) (Shopping frequency/Spending per transaction)

ผู้บริโภคซาอุดีอาระเบียใช้จ่ายออนไลน์เฉลี่ย 618 เหรียญสหรัฐ ต่อปี โดยร้อยละ 23 ของผู้บริโภคที่ใช้จ่ายออนไลน์เฉลี่ยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ และอีกร้อยละ 3 ใช้จ่ายออนไลน์เฉลี่ยทุก ๆ หกเดือน ซึ่งร้อยละ 76 ของผู้บริโภคนิยมช่องทางการชำระเงินในรูปแบบ Cash on Delivery (COD) และอีกร้อยละ 24 นิยมชำระเงินผ่านบัตรเครดิต

กลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคซาอุดีอาระเบียนิยมทำการสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ ได้แก่ ร้อยละ 73 นิยมสั่งซื้อสินค้าเสื้อผ้า ตามด้วยสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม ร้อยละ 68 และร้อยละ 65 นิยมสั่งซื้อสินค้าจำพวกยา

– 5 อันดับแพลตฟอร์ม Social Medias ช่องทางที่นิยมใช้ซื้อขายสินค้าออนไลน์พร้อมสัดส่วน (Top 5 E-marketplace & Market Share) ในประเทศ

ผู้บริโภคซาอุดีอาระเบียนิยมสั่งสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ในประเทศมากกว่าเว็บไซต์นอกประเทศ โดยเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยม ได้แก่

  1. haraj.com.sa
  2. noon.com
  3. extra.com
  4. sa.opensooq.com
  5. amazon.sa

– 5 อันดับสินค้าที่นิยมซื้อออนไลน์ (Top 5 Popular Product) (สินค้าในประเทศ Vs สินค้าจากต่างประเทศ)

ความนิยมในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคซาอุดีอาระเบียจะนิยมซื้อสินค้าที่มีจำหน่ายในประเทศมากกว่าการเลือกซื้อสินค้าจากต่างประเทศ โดยสินค้าที่นิยมทำการสั่งซื้อ ได้แก่ เสื้อผ้า สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ยา อีเล็กทรอนิกส์

– 5 อันดับช่องทางการชะรำเงินออนไลน์

STC Pay, UrPay, Mobily Pay, Alinma Pay, Friendi Pay.

– 5 อันดับช่องทางการขนส่งสินค้า

บริษัทขนส่งยอดนิยมในซาอุดีอาระเบีย ได้แก่ Aramex, Naqel Express, Saudi Post, Fetchr, SMSA Express

 

ข้อมูลประกอบ

– กฎหมาย กฎระเบียบและภาษีการประกอบธุรกิจออนไลน์ (Legal Framework, Regulations, Tax)

ผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ จำเป็นต้องทำตามกฎหมายและกฎระเบียบของกระทรวงพาณิชย์ซาอุดีอาระเบีย ดังนี้

– ผู้ให้บริการจะต้องเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ใน e-Shop ของตน ดังนี้ ชื่อหรือลักษณะเฉพาะใดๆ ที่ระบุตัวตน ที่อยู่ เว้นแต่ว่าจะลงทะเบียนกับหน่วยงานรับรองความถูกต้องของ e-Shop ข้อมูลติดต่อของผู้ให้บริการ ชื่อและเลขที่ทะเบียนพาณิชย์ (ถ้ามี) หรือทะเบียนอื่นใดที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ข้อมูลอื่น ๆ ประกอบตามข้อบังคับที่กำหนด

– ข้อบังคับและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการให้ข้อมูลของผู้ให้บริการตามลักษณะของธุรกรรมแต่ละรายการเมื่อสรุปสัญญา ผู้ให้บริการจะต้องจัดเตรียมใบแจ้งหนี้ที่แสดงรายการแก่ผู้รับบริการซึ่งระบุราคารวม รวมถึงค่าธรรมเนียมและภาษีทั้งหมด และค่าธรรมเนียมการจัดส่ง (ถ้ามี) ตลอดจนวันที่และสถานที่จัดส่งตามที่กำหนดโดยข้อบังคับ .

– ให้ถือว่าโฆษณาทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาและมีผลผูกพันทางกฎหมาย โดยโฆษณาทางอิเล็กทรอนิกส์ต้องรวมถึง ชื่อของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่โฆษณา ชื่อของผู้ให้บริการและลักษณะเฉพาะใดๆ เว้นแต่ว่าได้ลงทะเบียนกับหน่วยงานรับรองความถูกต้องของ e-Shop  ข้อมูลติดต่อของผู้ให้บริการ และข้อมูลอื่น ๆ ที่ระบุในข้อบังคับ

– โฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ต้องไม่รวมถึง ข้อเสนอ ข้อความ หรือข้อเรียกร้องที่เป็นเท็จ หรือการบิดเบือนความจริงที่หลอกลวงหรือทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือ โลโก้หรือเครื่องหมายการค้าที่เป็นของปลอมผู้ให้บริการไม่มีสิทธิ์ในการใช้งาน

– โดยไม่กระทบต่อบทลงโทษที่กำหนดไว้ในมาตรา 18 ของกฎหมายนี้ หากผู้ให้บริการได้รับการพิสูจน์ว่าละเมิดบทบัญญัติใด ๆ ของมาตรา 10(2) หรือมาตรา 11 กระทรวงอาจบังคับให้ผู้ให้บริการแก้ไขการละเมิดหรือเพิกถอน โฆษณาภายในหนึ่งวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง

– โดยไม่กระทบต่อบทบัญญัติของสัญญาและข้อบังคับของการรับประกัน ผู้รับบริการอาจยกเลิกสัญญาในกรณีที่ไม่ได้ระบุไว้ในวรรค (2) ของข้อนี้ได้ภายในเจ็ดวันหลังจากวันที่ได้รับสินค้าหรือวันที่ สัญญาบริการ หากไม่ได้ใช้สินค้า รับบริการ หรือได้รับประโยชน์จากสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่ง ในกรณีเช่นนี้ ผู้บริโภคจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการยกเลิกสัญญา เว้นแต่จะตกลงเป็นอย่างอื่น

– โดยไม่คำนึงถึงวรรค (1) ของข้อนี้ ผู้รับบริการไม่สามารถยกเลิกสัญญาในกรณีต่อไปนี้:

* หากหัวข้อของสัญญาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งเองหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นตามคำร้องขอของผู้รับบริการ ยกเว้นผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่องหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเฉพาะที่ตกลงไว้

* หากหัวข้อของสัญญาเป็นวิดีโอเทป บันทึก คอมแพคดิสก์ หรือซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่ถูกนำมาใช้

* หากหัวข้อของสัญญาคือการซื้อหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หนังสือ หรือสิ่งตีพิมพ์อื่น ๆ

* หากข้อบกพร่องเกิดจากการจัดการผลิตภัณฑ์อย่างไม่ถูกต้องของผู้รับบริการ

* หากหัวข้อของสัญญาคือการจัดหาที่พัก การเดินทาง หรือการจัดเลี้ยง

* หากหัวข้อของสัญญาคือการซื้อซอฟต์แวร์ที่ดาวน์โหลดได้ทางออนไลน์ ยกเว้นซอฟต์แวร์ที่มีข้อบกพร่องซึ่งดาวน์โหลดไม่ได้หรือไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่ตกลงไว้

* กรณีอื่น ๆ ที่กำหนดโดยข้อบังคับตามลักษณะของสินค้าหรือบริการ

– เว้นแต่ผู้ให้บริการและผู้รับบริการตกลงที่จะขยายวันส่งมอบสิ่งของหรือดำเนินการให้บริการตามสัญญา ผู้รับบริการมีสิทธิยกเลิกสัญญาหากผู้ให้บริการส่งมอบหรือดำเนินการล่าช้า เป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน นับจากวันทำสัญญาหรือวันที่ตกลงไว้ และเรียกคืนเงินที่ชำระตามสัญญาและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเนื่องจากความล่าช้าดังกล่าว เว้นแต่ความล่าช้าจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย

– โดยไม่กระทบต่อวรรค (1) ของข้อนี้ ผู้ให้บริการจะต้องแจ้งให้ผู้รับบริการทราบถึงความล่าช้าที่คาดไว้หรือสถานการณ์ใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งมอบสิ่งของตามสัญญาหรือการดำเนินการดังกล่าว

– ผู้ค้าจะต้องลงทะเบียน e-shop ของตนในทะเบียนการค้าตามกฎหมายทะเบียนพาณิชย์ ข้อบังคับจะระบุข้อกำหนดที่จำเป็น

– กระทรวงพาณิชย์จะกำกับดูแลภาคอีคอมเมิร์ซและจะออกกฎที่จำเป็นเพื่อควบคุมภาคส่วน รวมถึงหน่วยงานและแพลตฟอร์มต่อไปนี้ ตามความจำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงอีคอมเมิร์ซและรับรองความปลอดภัยของการทำธุรกรรม รวมถึงการรับรองความถูกต้องของ E-shop และแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ

– หากผู้ให้บริการละเมิดบทบัญญัติใด ๆ ของกฎหมายนี้หรือข้อบังคับ รัฐมนตรีหรือผู้ได้รับมอบหมายในกรณีเร่งด่วนอาจออกคำสั่งให้บล็อกร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ของตนบางส่วนหรือทั้งหมดโดยประสานงานกับหน่วยงานที่มีอำนาจจนกว่า การละเมิดจะได้รับการแก้ไขหรือตัดสิน ขึ้นอยู่กับว่าอย่างใดจะเกิดขึ้นก่อน และส่งต่อการละเมิดไปยังคณะกรรมการที่กำหนดไว้ในข้อ 19(1) ของกฎหมายนี้ภายในระยะเวลาสูงสุดสามวันนับจากวันที่บล็อกร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีเงื่อนไขว่าคณะกรรมการจะออกการตัดสินใจภายในระยะเวลาไม่เกิน 10 วันนับจากวันที่อ้างอิง คณะกรรมการอาจระงับการตัดสินการบล็อกร้านค้าออนไลน์บางส่วนหรือทั้งหมดด้วยเหตุผลอันสมควร

– โดยไม่กระทบต่อบทลงโทษที่รุนแรงกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายอื่น บุคคลที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติใด ๆ ของกฎหมายนี้หรือข้อบังคับจะต้องได้รับโทษอย่างน้อยหนึ่งอย่างดังต่อไปนี้: 1. คำเตือน 2. การปรับไม่เกิน 1,000,000 ริยาล 3. การระงับชั่วคราวหรือถาวรของกิจกรรมอีคอมเมิร์ซ 4. การบล็อกร้านค้าออนไลน์บางส่วนหรือทั้งหมด ชั่วคราวหรือถาวร โดยประสานงานกับหน่วยงานที่มีอำนาจ

– ให้ตั้งคณะกรรมการหนึ่งหรือหลายคณะขึ้นตามการตัดสินใจของรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิจารณาการละเมิดบทบัญญัติของกฎหมายนี้หรือข้อบังคับ และกำหนดบทลงโทษที่กำหนดไว้ในมาตรา 18 ของกฎหมายนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการไม่น้อยกว่าสามคน รวมทั้งที่ปรึกษากฎหมายอย่างน้อยหนึ่งคน การตัดสินของคณะกรรมการให้ใช้เสียงข้างมาก ตามมติที่ออกให้รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์กำหนดวิธีการทำงานของคณะกรรมการและค่าตอบแทนของสมาชิก

– บทลงโทษที่กำหนดจะต้องสอดคล้องกับความรุนแรงและความถี่ของการละเมิด ความเสียหายที่เกิดกับผู้อื่น และขนาดของกิจกรรมของผู้ให้บริการ

– บุคคลใดอาจอุทธรณ์คำตัดสินที่ออกฟ้องเขาตามกฎหมายนี้ต่อศาลปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีต่อหน้าคณะกรรมการร้องทุกข์

– การตัดสินลงโทษอาจรวมถึงการตีพิมพ์คำตัดสินโดยผู้ฝ่าฝืนในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหนึ่งฉบับหรือมากกว่าที่ตีพิมพ์ในพื้นที่ที่เขาอาศัยอยู่ หรือผ่านสื่ออื่นใดที่เหมาะสม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภท ความหนักเบา และผลกระทบของการลงโทษ การละเมิดเกิดขึ้น โดยมีเงื่อนไขว่าการเผยแพร่เกิดขึ้นหลังจากคำตัดสินกลายเป็นเรื่องไม่สมควรเนื่องจากพ้นระยะเวลาตามกฎหมายสำหรับการอุทธรณ์หรือการตัดสินที่ให้ไว้ถือเป็นที่สิ้นสุด

– ศาลที่มีอำนาจจะวินิจฉัยข้อพิพาท รวมถึงการเรียกร้องค่าชดเชยที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายนี้

– การติดตามและตรวจสอบธุรกรรมอีคอมเมิร์ซและตรวจจับการละเมิดกฎหมายและข้อบังคับนี้จะดำเนินการโดยพนักงานที่ได้รับการแต่งตั้งตามการตัดสินใจของรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์

– ในกรณีที่กฎหมายฉบับนี้ไม่ครอบคลุม อีคอมเมิร์ซจะอยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

– ให้รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ออกระเบียบภายใน 90 วันนับแต่วันประกาศกฎหมายนี้ในราชกิจจานุเบกษาและให้ใช้บังคับได้ในวันที่กฎหมายนี้มีผลใช้บังคับ

– กฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ 90 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการ

– สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและข้อมูลติดต่อ (Relevent Government Agency and Contact Information) ดังนี้

  1. กระทรวงพาณิยช์ (Ministry of Commerce)

Adress: King Abdulaziz Rd. Prince Abdul Rahman Ibn, Riyadh, Kingdom of Saudi Arabia

E-mail: CS@mcgov.sa

Telephone:

Website: www.my.gov.sa

  1. หน่วยงานซะกาต ภาษี และกรมศุลกากร (Zakat, Tax and Custom Authority – ZATCA) ดำเนินการให้คำแนะนำเกี่ยวกับ E-Commerce ซึ่งอธิบายผลกระทบของภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับธุรกิจที่ดำเนินการในภาคส่วน E-Commerce คู่มือประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดหาสินค้าและบริการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ การจัดหาผ่านตัวแทน ตลอดจนตัวบ่งชี้เพื่อระบุถิ่นที่อยู่ของลูกค้า

Adress: Prince Abdul Rahman bin Abdulaziz St., Riyadh 12628, Kingdom of Saudi Arabia

E-mail: 1910@zatca.gov.sa

Telephone: ‏+966112048998

Website: www.zatca.gov.sa

*******************************

thThai