“ภาวะความเครียดในปัจจุบันส่งผลทำให้ชาวอเมริกันต้องการบริโภคสินค้าและบริการสำหรับคลายเครียดมากขึ้น”
ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมการดำรงชีวิตในสังคมประกอบกับภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลทำให้มีชาวอเมริกันจำนวนมากต้องเผชิญกับภาวะความเครียดและความวิตกกังวล (Anxiety) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ ด้วยภาวะความกดดันทางสภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบันยังมีส่วนส่งผลทำให้จำนวนผู้ประสบปัญหาด้านสุขภาพจิตในสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นด้วย
จากรายงานข้อมูลศูนย์สถิติสุขภาพแห่งชาติ (National Center for Health Statistics) กระทรวงสาธาณสุขสหรัฐฯ พบว่า ปัจจุบันมีชาวอเมริกันที่ประสบปัญหาทางด้านสุขภาพจิตเพิ่มมากขึ้นจากเดิมราวร้อยละ 8 ในปี 2562 เป็นร้อยละ 27 ในปัจจุบัน นอกจากนี้ บริษัท Truveta ผู้ให้บริการข้อมูลธุรกิจบริการสุขภาพยังรายงานว่า นับตั้งแต่เริ่มการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาร้อยละ 3 ของจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับบริการทางด้านสุขภาพจากสถานพยาบาลมักจะตรวจพบอาการป่วยทางด้านสุขภาพจิตร่วมด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการตรวจพบที่สูงกว่าโรคอันตรายอื่นๆ เช่น โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน
ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันต่างพยายามหาวิธีรับมือกับภาวะความกดดันด้านสุขภาพจิตมากขึ้น ทั้งการเข้ารับการบริการบำบัดโดยจิตแพทย์ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง รวมไปถึงการเลือกใช้สินค้าและบริการต่างๆ เช่น อาหารเสริม วิตามิน ของเล่นสันทนาการ การใช้บริการแอพพพลิเคชั่นคลายเครียด และการใช้บริการผู้ให้คำแนะนำด้านสุขภาพจิต (Mental Health Coaches) เป็นต้น โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้ตลาดสินค้าและบริการดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาหารเสริมและวิตามินต่างๆ
จากข้อมูลบริษัท NIQ รายงานว่า ภายหลังจากที่สถานการณ์ด้านการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ในสหรัฐฯ คลี่คลายลง ยอดจำหน่ายสินค้าอาหารเสริมที่มีสรรพคุณช่วยลดอาการเครียดและวิตกกังวลกลับขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอัชวากานดา (Ashwagandha) หรือ โสมอินเดีย ซึ่งมีสรรพคุณช่วยในการนอนหลับและลดความเครียดซึ่งได้รับความนิยมและมียอดจำหน่ายขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2562
ทั้งนี้ สามารถสรุปกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายบรรเทาอาการเครียดและวิตกกังวลที่กำลังได้รับความนิยมและมีแนวโน้มขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ได้ดังนี้
- สินค้าอาหารเสริมและสมุนไพร เช่น วิตามิน D3 แมกนีเซียม โอเมก้า-3 คาโมมายล์ และคาวา (Kava)
- สินค้าแผ่นแปะตามร่างกาย (Patches) และสเปรย์พ่นปาก (Mouth Spray)
- สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ขนมกัมมี (Gummies) ชาสมุนไพร
- สินค้าน้ำมันหอมระเหย (Essential Oils)
- สินค้าจาก CBD
- สินค้าสนัทนาการ เช่น สมุดระบายสี ตุ๊กตา ของเล่น และเกมส์
- สินค้าเสื้อผ้าถ่วงน้ำหนัก (Weighted Clothes) เช่น เสื้อหมวก ชุดนอน และ ผ้าห่ม
- สินค้าอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Devices) เช่น แบรนด์ Appollo Neuro สำหรับสวมข้อมือ แบรนด์ Sensate สำหรับวางบนหน้าอก และแบรนด์ Muse สำหรับสวมศรีษะ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะช่วยปล่อยคลื่นจากการสั่นสะเทือนทำให้ผู้สวมใส่ผ่อนคลายเกิดสมาธิ
นอกจากนี้ ยังมีสินค้ากลุ่มบริการที่เป็นที่นิยม อาทิ
- กลุ่มให้บริการคำแนะนำ ด้านสุขภาพจิต (Mental Health Coaches) ซึ่งดำเนินการโดยผู้ที่ผ่านหลักสูตรอบรมและมีใบอนุญาต อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถให้คำปรึกษาได้เท่านั้น ไม่สามารถวินิจฉัยหรือบำบัดโรคได้ มีให้บริการทั้งผ่านระบบออฟไลน์และออนไลน์
- กลุ่มบริการแอพพลิเคชั่น สำหรับคลายเครียด เช่น บริษัท Headspace ให้บริการฝึกสมาธิและรักษาสุขภาพจิตผ่านช่องทางออนไลน์ (Telehealth) ซึ่งได้รับการยอมรับจาก National Board for Health & Wellness Coaching (NBHWC) ปัจจุบันมีให้บริการพนักงานในองค์กรชั้นนำ หลายแห่ง เช่น บริษัท Adobe บริษัท Mattel และบริษัท Starbucks เป็นต้น
ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่าสุขภาพกายและสุขภาพจิตมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก กล่าวคือ การมีสุขภาพจิตดีย่อมส่งผลทำให้สุขภาพกายดีตามไปด้วย นับตั้งแต่ช่วงที่เกิดภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ผู้คนทั่วโลกรวมถึงชาวอเมริกันเองต่างต้องเผชิญกับภาวะความท้าทายและความกดดันต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่ส่งผลทำให้เกิดภาวะความเครียดและความกังวลเป็นวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์ในขณะนี้จะปรับตัวดีขึ้นมากแล้ว แต่ภาวะความกดดันทางสังคมและเศรษฐกิจที่ยังคงผันผวนในตลาดก็ยังส่งผลทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากยังต้องเผชิญกับภาวะความเครียดและความวิตกกังวลซึ่งส่งผลทำให้ผู้บริโภคเหล่านั้นต้องการบริโภคสินค้าที่จะช่วยคลายเครียดและช่วยให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการในตลาดรวมถึงผู้ประกอบกาไทยที่สนใจทำตลาดด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ไทยเองมีความได้เปรียบมีวัตถุดิบสมุนไพรหลายรายการที่สามารถนำมาใช้ผลิตเป็นสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดที่ต้องการบริโภคสินค้าอรรถประโยชน์ช่วยคลายเครียด และช่วยในการนอนหลับ เช่น ขิง ใบบัวบก พริกไทยดำ มะกรูด และฟ้าทะลายโจร เป็นต้น
อีกทั้ง ยังน่าจะเป็นโอกาสสำหรับกลุ่มสินค้าน้ำมันหอมระเหย ลูกปะคบสมุนไพร และกลุ่มธุรกิจบริการนวด สปาไทยด้วย ซึ่งการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมสินค้าและบริการดังกล่าวอย่างจริงจังทั้งผ่านทางช่องทางออฟไลน์และออนไลน์น่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเจาะตลาดส่งออกในสหรัฐฯ ได้ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ซึ่งปัจจุบันได้เข้ามามีอิทธิพลสำคัญต่อการเลือกซื้อสินค้าสำหรับการผ่อนคลายในกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกันมากขึ้นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการ ไทยควรศึกษากฎระเบียบและมาตรฐานการผลิตและอวดอ้างสรรพคุณสินค้า เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดอุปสรรคทางการค้าในอนาคตโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอาหารเสริมและสินค้าอรรถประโยชน์ที่แสดงฉลากหรืออวดอ้างสรรพคุณในการบรรเทาหรือรักษาอาการป่วยของโรคต่างๆ ที่จะเข้าข่ายเป็นผลิตภัณฑ์ยาซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบและได้รับอนุญาต (Premarket Approval หรือ PMA) จากองค์กรอาหารและยาสหรัฐฯ (U.S. Food and Drug Administration หรือ US. FDA) ก่อนจึงจะสามารถวางจำหน่ายได้
นอกจากนี้ แนวโน้มความต้องการบริโภคสินค้าเพื่อการคลายความเครียดและความวิตกกังวลของผู้บริโภคชาวอเมริกันยังน่าจะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคในตลาดเลือกเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะยังเป็นโอกาสในการผลักดันการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่ไทยเองครอบครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในสหรัฐฯ รวมถึงอุปกรณ์และของใช้สำหรับดูแลสัตว์เลี้ยง เช่น กรง เบาะที่นอน ขนมขบเคี้ยว เสื้อผ้าและอุปกรณ์ดูแลเส้นขน เป็นต้น อีกทั้ง กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ของเล่น ของใช้ เกมส์ และอุปกรณ์กีฬาสำหรับการผ่อนคลายก็น่าจะมีโอกาสขยายตลาดในสหรัฐฯ มากขึ้นด้วย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยที่สนใจทำตลาดดังกล่าวควรศึกษารายละเอียดและความต้องการของผู้บริโภคในตลาดอย่างละเอียดเพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับปรับปรุงและพัฒนาสินค้าให้ตรงความต้องการของตลาดในอนาคต
นอกจากนี้ ปัจจุบันผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดให้ความสำคัญและสนใจเลือกซื้อสินค้าที่ให้กับความสะดวกสบายเทคโนโลยีไร้สาย และเทคโนโลยีอัจฉริยะมากขึ้น ดังนั้น ในระยะยาวหากผู้ประกอบการไทยสามารถพัฒนาสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้ก็น่าจะช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดมากขึ้นด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal
******************************
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก