นายพีทร์ ฟีอาล่า นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเช็ก ได้กล่าวในการประชุม “Czech Republic at the Crossroads” ว่า นโยบายเร่งด่วนที่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการคือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง พลังงาน การผลิต Lithium การผลิตชิป และการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)
นายกฯ ฟีอาล่าระบุว่า ที่ผ่านมาปัญหาสำคัญของประเทศคือการละเลยการจัดลำดับความสำคัญในเรื่องต่าง ๆ และคาดว่าในช่วงสัปดาห์และช่วงเดือนถัดไป จะมีการหารือของคณะกรรมาธิการด้านการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ โดยจะมีการหารือในเรื่องการปรับเปลี่ยนกฎหมาย เพื่อดำเนินงานด้านการขนส่ง พลังงาน และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) โดยนายฟีอาล่าคาดหวังว่าแผนการและข้อเสนอของโครงการต่าง ๆ ดังกล่าว จะได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 โดยเชื่อว่า การใช้ประโยชน์ของด้านภูมิศาสตร์ ศักยภาพทางเศรษฐกิจ และทรัพยากรมนุษย์ จะทำให้สาธารณรัฐเช็กพัฒนาไปได้มาก
สำหรับประเด็นที่จะต้องหารือกันต่อไป จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การให้เงินสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมกับโครงการเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการลงทุนจำนวนมาก อาจถึงจำนวนหลายพันล้านเช็กคราวน์ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ นายฟีอาล่า เสนอให้มีการแยกงบประมาณสำหรับการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ออกจากการบริหารจัดการงานขในปัจจุบันของภาครัฐ นายกฯ ฟีอาล่า เน้นย้ำว่า การลงทุนเหล่านี้ไม่ควรถูกมองว่าเป็นการอุดหนุน ซึ่งนายกฯ ได้เสนอการให้เงินสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ดังกล่าว ผ่านการผสมผสานของกองทุนของภาครัฐและภาคเอกชน หรือการเพิ่มการมีส่วนร่วมของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ
นายกฯ ฟีอาล่า เห็นว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศกำลังเผชิญกับสิ่งท้าทาย ได้แก่ การเติบโตของค่าจ้าง และความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางกระแสความกังวลต่าง ๆ โดยเห็นว่าการพิจารณาแนวทางในการจัดสรรเงินกองทุนต่าง ๆ ให้กับการขนส่ง สุขภาพ และการศึกษา อย่างรอบคอบ เพื่อให้มีการใช้จ่ายเงินกองทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายกฯฟีอาล่าเห็นว่าหนึ่งในสาขาที่มีความสำคัญสำหรับการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ คือ พลังงาน ซึ่งที่ผ่านมาได้ถูกละเลยมาตลอด โดยระบุว่าการยกเลิกการเสนอประมูลในเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ของรัฐบาลก่อนหน้านี้นับเป็นการก้าวถอยหลัง ซึ่งทำให้เกิดการขาดแคลนพลังงานประมาณ 10 terawatt-hours ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นายกฯฟีอาล่า ยังเน้นให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งให้ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคอื่น ๆ อาทิ คาร์โลวี วารี่ และโบฮีเมียตอนใต้ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของพื้นที่เหล่านั้น
ข้อเสนอแนะ/โอกาส/แนวทาง
การประกาศชัดถึงแนวนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฟีอาล่า โดยเน้นให้ความสำคัญในลำดับแรกในการพัฒนาด้านการขนส่ง พลังงาน การผลิต Lithium การผลิตชิป และการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ทำให้มองเห็นทิศทางการพัฒนาในอุตสาหกรรมสำคัญ ๆ ทั้งอุตสาหกรรมการผลิต semi-conduct และธุรกิจบริการด้าน IT การให้ความสำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาสนใจทำการค้าและการลงทุนในสาธารณรัฐเช็กเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนจากต่างประเทศในด้านการผลิตชิป Lithium และ IT ซึ่งจะเป็นโอกาสสำหรับผู้ผลิต/ผู้ประกอบการไทย ในการขยายการค้า หรือการร่วมลงทุนกับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิตอุตสาหกรรม และสายงานบริการของการพัฒนาทั้งสองสาขา ได้แก่ การผลิตชิ้นส่วน/ส่วนประกอบ semi-conduct และธุรกิจบริการด้าน IT
หากแนวนโยบายการพัฒนาประเทศของสาธารณรัฐเช็ก ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้ จะทำให้เศรษฐกิจของสาธารณรัฐเช็กมีการพัฒนาที่ก้าวหน้ามากขึ้น ผู้บริโภคจะมีรายได้และมีกำลังซื้อมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดสินค้าชนิดอื่น ๆ อาทิ สินค้าอาหาร และสินค้าอื่น ๆ รวมไปถึงสินค้าฟุ่มเฟือย ทำให้สินค้าไทยที่จะมีโอกาสในการทำตลาดได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี แนวนโยบายดังกล่าวจะยังต้องเผชิญกับสิ่งท้าทายต่าง ๆ อยู่มาก ทั้งในเรื่องของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่สาธารณรัฐเช็กต้องพึ่งพาการส่งออก รวมไปถึงปัจจัยภายในประเทศอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นอุปสรรคในช่วงระหว่างการดำเนินนโยบายของรัฐบาลตามแผนการดังกล่าว ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าของประเทศเป้าหมาย รวมถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในระดับระหว่างประเทศ เพื่อเตรียมแผนงานในการทำตลาด รวมถึงแผนงานรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
***************************************
ที่มา : Expat.cz สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงปราก
ข่าว 4 -8 ก.ย. 66