ค้าปลีกเช็กเตรียมลดราคาอาหารหลังใช้ VAT ใหม่ในปี 2567

 

บรรดาห้างค้าปลีกในสาธารณรัฐเช็กได้ให้คำมั่นว่า ภายหลังการเปลี่ยนมาใช้ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ใหม่ในปี 2567  ห้างค้าปลีกจะลดราคาอาหารในซูเปอร์มาร์เกต  โดยอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าอาหารจะเปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันร้อยละ 15 ลดลงเหลือร้อยละ 12 การเปลี่ยนแปลง VAT ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของแผนการฏิรูปทางการเงินของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในรัฐสภา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร นายวีบอร์เน ได้แสดงความพอใจที่กลุ่มค้าปลีกได้ให้คำมั่นว่าจะลดราคาสินค้าอาหารดังกล่าว  ซึ่งแผนการลดราคาสินค้าอาหารดังกล่าวสืบเนื่องมาจากกระแสความกังวลในเรื่องราคาสินค้าอาหาร  โดยเงินเฟ้อสำหรับกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์สูงถึงร้อยละ 9.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในเดือนมิถุนายน  โดยในเดือนมกราคม สูงถึงร้อยละ 25  โดยสินค้าอาหารหลักที่มีการเปลี่ยนแปลงราคา อาทิ เนื้อสัตว์ ร้อยละ 3.2  ผลิตภัณฑ์นมเนย ร้อยละ 8.3  ผลไม้ ร้อยละ 10.3  น้ำตาล ร้อยละ 44.7  มาการีน/เนย ร้อยละ 3.3

ทางด้านนายกรัฐมนตรีฟีอาล่า กล่าวย้ำว่ารัฐบาลต้องการหาแนวทางให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าอาหารที่มีคุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน มากกว่าจะมาเน้นในเรื่องเจรจาต่อรองให้ราคาสินค้าอาหารมีราคาถูกลง นอกจากนี้ นายกฯ ฟีอาล่า และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ นายวีบอร์เน ยังได้ขอให้ห้างค้าปลีกให้การสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าของสาธารณรัฐเช็กให้มากขึ้น

นายโทมาส พรูซ่า ประธานสมาคมการค้าและการท่องเที่ยว ระบุว่า ห้างค้าปลีกไม่น่าจะทำกำไรได้สูงสุดในปีนี้  ซึ่งต่างจากซัพพลายเออร์บางรายที่รายงานผลกำไรที่สูงขึ้นมาก ซึ่งมีบริษัทแห่งหนึ่งที่รายงานว่าทำกำไรได้สูงถึงร้อยละ 100  โดยนายพรูซ่าชี้ว่า ผลประกอบการของห้างค้าปลีกที่ลดลงนั้น มาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลงและต้นทุนด้านโลจิสติกส์และพลังงานที่สูงขึ้น  นอกจากนี้ นายพรูซ่าเห็นว่า การแข่งขันในตลาดจะทำให้มีการลดราคาลง อาทิ สินค้าเนยและชีส ขณะที่ราคาต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะไม่เปลี่ยนแปลงในกลุ่มที่มีซัพพลายน้อยกว่า

นายพรูซ่า เน้นว่าบริษัทได้ประโยชน์จากการอุดหนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มาจากผู้เสียภาษี  ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเฝ้าดูสถานการณ์และพยายามให้สินค้าต่าง ๆ มีราคาที่เหมาะสม  โดยได้เสนอแนะให้มีการช่วยเหลือให้ผู้ผลิตรายย่อยเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้มีการแข่งขันและทำให้สินค้ามีราคาถูกลง

นายกรัฐมนตรีฟีอาล่าเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะสนับสนุนบริษัทขนาดเล็ก ดังนั้น รัฐบาลจึงได้ยกเลิกโครงการสนับสนุนที่ให้ประโยชน์ส่วนใหญ่กับผู้ผลิตอาหารรายใหญ่   ซึ่งนายฟีอาล่าและพรูซ่า เห็นพ้องต้องกันว่าการช่วย

ให้บริษัทขนาดเล็กเข้าสู่ตลาด และลดอุปสรรคทางด้านราชการลงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ราคาสินค้าอาหารในสาธารณรัฐเช็กอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคสามารถจับจ่ายได้ และทำให้มีการแข่งขันได้มากขึ้น

สำหรับยอดขายค้าปลีกในเช็กได้ลดลง 15 เดือนติดต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าได้รับผลกระทบทางลบจากราคาอาหารที่สูงขึ้น  โดยก่อนหน้านี้ เช่น สหภาพผู้ปลูกผลไม้ของโบฮีเมียตะวันตกและโบฮีเมียใต้ ได้กล่าวว่า ค้าปลีกเช็กเตรียมลดราคาอาหารหลังใช้ VAT ใหม่ในปี 2567ซูเปอร์มาร์เก็ตขายแอบเปิ้ล 1 กิโลกรัม ในราคาประมาณ 55 เช็กคราวน์ ขณะที่ราคาซื้อที่แท้จริงจากซัพพลายเออร์อยู่ที่ประมาณ 13
เช็กคราวน์  เช่นเดียวกันกับการขายน้ำตาล ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565  ราคาน้ำตาลในซูเปอร์มาร์เกตพุ่งขึ้นราวร้อยละ 77 ขณะที่ต้นทุนการผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 51  ดังนั้น นายเนคูล่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ได้ช่วยผลักดันกฎหมายซึ่งจะอนุญาตให้สำนักงานคุ้มครองการแข่งขันให้ติดตามการผลิตอาหารอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าการเพิ่มราคาอย่างไม่เป็นธรรมจะเกิดขึ้นน้อยที่สุด

ข้อเสนอแนะ/โอกาส/แนวทาง

การประกาศใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราใหม่ที่คาดว่าจะมีผลในปี 2567 นั้น คาดว่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม อาทิ สินค้าอาหาร เครื่องดื่ม  ซึ่งคาดว่าจะมีการจับตามองผลกระทบที่มีต่อสินค้าหลักในการอุปโภคบริโภค โดยรัฐบาลน่าจะหาแนวทางหรือออกมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้ให้แน่ใจว่ามีการกำหนดราคาอย่างเป็นธรรม และมีการส่งเสริมผลประโยชน์ทั้งของผู้บริโภคและผู้ผลิต

สำหรับโอกาสทางการตลาดในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม หากมีการใช้ระบบภาษีใหม่ในสาธารณรัฐเช็กในปีหน้า  คาดว่าน่าจะส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจบริการร้านอาหาร กลุ่มธุรกิจ HORECA ที่จะมีต้นทุนวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารลดลง ซึ่งกลุ่มธุรกิจ HORECA เป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญสำหรับสินค้าอาหารของไทย  อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลเข้าแทรกแซงและต้องการให้มีการสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าภายในประเทศมากขึ้น จะทำให้เป็นอุปสรรคสำหรับสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ  ปัจจัยสำคัญคือการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า เพื่อเป็นตัวเลือกของสินค้าที่มีเฉพาะจากประเทศไทย ไม่สามารถผลิตได้ในท้องถิ่นหรือในยุโรป รวมไปถึงการเน้นพัฒนาสินค้าให้มีความโดดเด่นด้านคุณลักษณะเฉพาะที่ส่งเสริมการมีสุขภาพดี การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีบรรจุภัณฑ์ที่ดี โดยมีนวัตกรรมการผลิตที่สามารถลดต้นทุนการผลิต ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยมีราคาที่สมเหตุสมผลและสามารถแข่งขันได้

***************************************

ที่มา : Expat.cz                                            สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงปราก
ข่าว 11-15 ก.ย. 66

thThai