ความต้องการสินค้าจากแบรนด์ลักชัวรี่ในฝรั่งเศสยังคงเพิ่มขึ้น สวนทางกับปริมาณสินค้าในตลาดที่มีไม่เพียงพอ

ในช่วงสองปีที่ผ่านมาตลาดสินค้าแบรนด์ลักชัวรี่มีการเติบโตสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์และรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าในช่วงเวลาเดียวกันฝรั่งเศสประสบกับปัญหาสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง แต่แบรนด์สินค้าลักชัวรี่ของฝรั่งเศสกลับตัดสินใจปรับขึ้นราคาสินค้าสินค้าทุกประเภท    ตั้งแต่สินค้าเครื่องหนังประเภทกระเป๋ารุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์และสินค้าแอคเซสซอรี่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา  อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นราคานี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อความต้องการสินค้าลักชัวรี่แต่อย่างใดเนื่องจากปริมาณสินค้าที่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการและกลุ่มลูกค้าของแบรนด์เหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ

แบรนด์ Hermès ปรับราคากระเป๋ารุ่น Birkin เพิ่มขึ้นร้อยละ 15   ในขณะที่แบรนด์ Chanel ปรับราคาขึ้นถึงร้อยละ 30 ส่งผลให้ราคากระเป๋ารุ่น 2.55 ปรับเพิ่มเป็น 9,000 ยูโร (7,800 ยูโรในปี 2021)      รวมถึงราคาสินค้าแอคเซสซอรี่ซึ่งเป็นสินค้าที่สร้างกำไรให้กับ แบรนด์ได้มากกว่าสินค้าประเภทอื่นๆ    ซึ่งนโยบายการปรับราคาของแบรนด์สินค้าลักชัวรี่ยังคงเป็นหัวข้อที่นักการตลาดต่างถกเถียงกันเนื่องจากไม่ได้มีมาตรฐานที่ใช้เป็นรูปแบบที่ชัดเจนในการขึ้นราคาแต่อย่างใด

นาย Thomas Chauvet นักวิเคราะห์จากบริษัท Citi (Citi Group) กล่าวว่า การตั้งราคาสินค้าแบรนด์ลักชัวรี่ไม่มีขอบเขตสามารถปรับขึ้นได้ตามต้องการและไม่ได้มีมาตรฐานที่ชัดเจน  ซึ่งถึงแม้จะมีการปรับขึ้นราคาแต่ความต้องการที่ไม่ลดลงสามารถสะท้อนให้เห็นได้ว่าแบรนด์ยังเป็นที่ต้องการอยู่อย่างมาก    โดยในการขึ้นราคาแต่ละครั้งแบรนด์ผู้นำตลาดเป็นผู้ริเริ่มและแบรนด์ขนาดเล็กปรับตัวตาม ในช่วงสองปีที่ผ่านมาอาจเห็นได้ว่าสินค้าลักชัวรี่บางประเภทมีการปรับราคาขึ้นถึงสองหลัก เพื่อปรับให้ทันกับผลประกอบการในส่วนที่เสียไประหว่างในช่วง 5 ปีก่อนสถานการณ์โควิดซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ความต้องการของตลาดสินค้าลักชัวรี่รักษาตัวคงที่  และในขณะเดียวกันเพื่อให้ครอบคลุมกับต้นทุนราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อซึ่งส่งผลต่อราคาของต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรง

นาย Joel Hazan ผู้อำนวยการและหุ้นส่วนบริษัท Boston Consulting Group (BCG) ( ผู้แต่งหนังสือ Game Changer : How Strategic Pricing will Reshape Your Business, Your Market, and Society วางขายในวันที่ 17 ตุลาคมนี้)  กล่าวว่า จุดประสงค์หลักของแบรนด์สินค้าลักชัวรี่โดยเฉพาะในส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องหนังได้แก่การปรับขึ้นราคาสินค้าไม่ใช่การเพิ่มปริมาณการผลิต อย่างไรก็ตามระดับการบริโภคของตลาดในทวีปยุโรปยังคงคาดการณ์ได้ยากและมีความผันผวน    ในส่วนของสินค้าลักชัวรี่ประเภทอื่น เช่น น้ำหอมได้มีการปรับราคาขึ้นจนเกือบถึงระดับสูงสุดแล้ว ในขณะที่สินค้าเครื่องสำอางยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก

ผู้เชี่ยวชาญต่างลงความเห็นว่า ความสำคัญของการทำตลาดสินค้าลักชัวรี่ได้แก่การสร้างความสมดุลระหว่างตลาดสินค้าที่ต้องการความพิเศษ (product exclusivity เช่น สินค้าที่ต้องสั่งจองล่วงหน้าหรือสินค้าที่มีการผลิตในจำนวนจำกัด ฯลฯ) และตลาดสินค้าที่สามารถขายได้เป็นจำนวนมากกว่าในตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่กว่า (Inclusivity) เพราะถึงแม้ว่าฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิมของแบรนด์ลักชัวรี่เหล่านี้จะเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงเป็นพิเศษ แต่แบรนด์จำเป็นต้องขยายฐานหาลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน   นาย Yann Kretz นักวิเคราะห์และหุ้นส่วนบริษัทที่ปรึกษาการตลาด Roland Berger กล่าวย้ำว่าทั้งในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าลูกค้าของตลาดสินค้าลักชัวรี่มีความเปลี่ยนแปลงและยืดหยุ่นมากขึ้น การปรับราคาในส่วนสินค้าประเภทแอคเซสซอรี่จะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างมากขึ้น

ความเห็น สคต.

ในปี 2022 ผลประกอบการตลาดสินค้าลักชัวรี่เพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คิดเป็นมูลค่า 345,000 ล้านยูโร จากผลการสำรวจของบริษัท Kantar บริษัทเจ้าของแบรนด์สินค้าลักชัวรี่ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกสามอันดับแรกล้วนเป็นแบรนด์จากประเทศฝรั่งเศส ได้แก่ Louis Vuitton, Hermes, Chanel เรียงตามลำดับ

ในไตรมาสแรกของปี 2023 ความต้องการสินค้าลักชัวรี่ยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 9-11 เมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2022 ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวมของปี 2023 เพิ่มเป็นมูลค่า 360-380,000 ล้านยูโร   โดยผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท Bain & Company กล่าวว่าตลาดสินค้าลักชัวรี่จะยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นในระดับเฉลี่ยร้อยละ 5-7 ต่อปีจนถึงปี 2030  จะเห็นได้ว่าแบรนด์สินค้าลักชัวรี่มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านการตลาด ราคาและการพัฒนาสินค้าเพื่อรักษาฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิมและดึงดูดลูกค้าใหม่  ซึ่งนอกเหนือจากการนำเสนอสินค้าที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดจากหลายสถาบันกล่าวสรุปว่าประเด็นสำคัญที่ตลาดสินค้าลักชัวรี่ต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกันกับตลาดสินค้าแฟชั่นทั้งหมด ได้แก่การให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์และเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์มากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการสร้างหรือพัฒนาแบรนด์สินค้าแฟชั่นถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับสินค้าลักชัวรี่สามารถศึกษาแนวทางการทำตลาดของแบรนด์เหล่านี้เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงและพัฒนาสินค้าโดยยังคงรักษาเอกลักษณ์เพื่อให้สินค้ามีคุณภาพและเข้าสู่ตลาดโลกได้

Virginie Jacoberger-Lavoué

ข่าวออนไลน์ หนังสือพิมพ์ Les Echos

https://www.lesechos.fr/industrie-services/mode-luxe/dans-le-luxe-la-demande-reste-encore-superieure-a-loffre-1980949

thThai