แผนปรับภาษีของเช็กหวังลดขาดดุลงบประมาณ แต่ผู้บริโภคต้องจ่ายค่าเบียร์และยาเพิ่ม  

   
แผนการหรือมาตรการด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลสาธารณรัฐเช็กที่จะมีการปรับเพิ่มภาษีประเภทต่าง ๆ เพื่อควบคุมงบประมาณขาดดุลของรัฐบาลที่สูงขึ้นมาก  ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ด้วยเสียงสนับสนุน 108 เสียง และเสียง

แผนปรับภาษีของเช็กหวังลดขาดดุลงบประมาณ แต่ผู้บริโภคต้องจ่ายค่าเบียร์และยาเพิ่ม  

คัดค้าน 86 เสียง  โดยแผนฯ ดังกล่าว จะทำให้ประชาชนต้องจ่ายเงินสูงขึ้นในกลุ่มสินค้าเบียร์ และยา ขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจจะเผชิญกับภาษีที่สูงขึ้น

การเสนอแผนฯ ดังกล่าวของรัฐบาลเช็กภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฟีอาล่า  สืบเนื่องจากการความจำเป็นในการต้องปรับ/เพิ่มภาษี เพื่อช่วยลดปัญหาหนี้สิน โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า แผนฯ

ดังกล่าวจะสามารถลดการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลได้ประมาณ 97 พันล้านเช็กคราวน์ในปีหน้า (ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 1.8 ของ GDP) และประมาณ 150 พันล้านเช็กคราวน์ ในปี 2568 (ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 1.2)  ทั้งนี้  แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจดังกล่าว จะต้องผ่านการเห็นชอบจากวุฒิสภา จากนั้นจะต้องผ่านการเห็นชอบของประธานาธิบดีก่อนจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า

สำหรับภาษีของบริษัทในกลุ่มสินค้าเบียร์ จะปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21 ขณะที่ภาษีทรัพย์สินของบุคคล ภาษีแอลกอฮอล์ บุหรี่ จะปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน  สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มจะมี 2 อัตรา คือ ร้อยละ 12 และร้อยละ 21 แทนอัตราปัจจุบันที่มี 3 อัตรา คือ ร้อยละ 10 ร้อยละ 15 และร้อยละ 21  โดยภาษีมูลค้าเพิ่มสินค้ายาจะขยับขึ้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 12  และผู้บริโภคเบียร์จะจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 21

ทางด้านนายยีรี เปช นักวิเคราะห์ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับแผน/มาตรการด้านเศรษฐกิจของประเทศ ที่เสนอโดยรัฐบาลนายกรัฐมนตรีฟีอาล่า ว่าแนวทางการดำเนินการและการสื่อสารเกี่ยวกับแผนฯ ดังกล่าว คาดว่ารัฐบาลจะต้องมีการใช้จ่ายที่สูงมาก ดังนั้น คงต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ภาวะการเงินการคลังของรัฐบาลจะฟื้นตัวขึ้นมาได้

จากการทำประชามติเมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า ร้อยละ 80 ของชาวเช็กต่างพากันวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของแผน/มาตรการด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่มีต่อสถานะการเงินของครัวเรือน และพบว่าความไว้วางใจในรัฐบาลปรับลดลงถึงร้อยละ 25  ซึ่งมีผลต่อความหวังในการจะกลับเข้ามาบริหารงานอีกครั้งสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะมีขึ้นในปี 2568  อย่างไรก็ดี นายยีรีเห็นว่า รัฐบาลยังมีโอกาสที่จะฟื้นความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลได้ เพราะยังไม่ทราบว่าแผน/มาตรการดังกล่าวว่าจะส่งผลกระทบอย่างไร  ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่ว่าแผนฯ ดังกล่าวอาจส่งผลในทางบวก  โดยสถานการณ์ในปีหน้าอาจจะมีความแตกต่างออกไป  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาตัวเลขเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่อาจจะมีเสถียรภาพมากขึ้น  อย่างไรก็ตาม สำหรับรัฐบาลจำเป็นต้องสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจนมากขึ้น

ข้อเสนอแนะ/แนวโน้ม/โอกาส/แนวทาง

แผนการปรับขึ้นภาษีสินค้าต่าง ๆ รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามข้อเสนอของรัฐบาลสาธารณรัฐเช็ก คาดว่าจะส่งผลกระทบในทางลบต่อผู้บริโภคไม่มากก็น้อย อย่างน้อยที่สุดการใช้จ่ายสำหรับสินค้าบางชนิด ที่เป็นสินค้าที่เคยขายดี อาทิ เบียร์ อาจจะส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยอาจเปลี่ยนแปลงความต้อการสินค้าบางชนิด หรืออาจส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงภาพรวมพฤติกรรมการบริโภค การใช้บริการของร้านอาหาร ผับ/บาร์ต่าง ๆ อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงผลระทบที่มีต่อประชาชน  แต่ด้วยทิศทางแนวโน้มของภาวะเงินเฟ้อ ที่เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าน่าจะทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมและค่าครองชีพของประชาชนยังอยู่ในทิศทางบวก

อย่างไรก็ตาม  ด้วยสถานการณ์สงครามที่ยังมีอยู่ในยูเครน รวมถึงสถานการณ์สงครามที่เพิ่งเกิดขึ้นในอิสราเอล  อาจส่งผลกระทบทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้น  และส่งผลกระทบต่อภาพรวมภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้แผนการของรัฐบาลไม่อาจบรรลุเป้าหมายตามที่คาดหวังไว้ ท่ามกลางปัจจัยลบใหม่ ๆ ในช่วงที่กำลังเกิดสงครามขึ้นในขณะนี้   ในช่วงนี้ ปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน อาจจะทำให้สถานการณ์ตลาดต้องเผชิญกับภาวะความไม่แน่นอนของดีมานด์และซัพพลายที่มีขึ้นในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก  ผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมแผนสำรองไว้รับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของตลาดเป้าหมาย

***************************************

ที่มา : Expat.cz, Radio.cz                       สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงปราก
ข่าว 9 – 13 ต.ค. 66

thThai