กลุ่มประเทศ GCC เตรียมเปิดตัววีซ่าท่องเที่ยวเดินทางข้ามประเทศในกลุ่มสมาชิกได้

กลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับGulf Cooperation Council หรือกลุ่มประเทศ GCC ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กาตาร์ และบาห์เรน   เห็นพ้องเตรียมออกวีซ่าท่องเที่ยวระยะสั้นแบบครบวงจร (unified tourist visa)  เพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดในการท่องเที่ยวใน  GCC และกระตุ้นเศรษฐกิจได้

นาย Abdullah bin Touq Al Marri รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แถลงว่าหลังจากการประชุม GCC Tourism Ministers ครั้งที่ 7 ที่ประเทศโอมานเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของประเทศสมาชิก เห็นชอบเปิดตัววีซ่าท่องเที่ยว GCC  แบบครบวงจร ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ถือ วีซ่าเดินทางเข้าออกประเทศที่เป็นภาคีข้อตกลง GCC ที่มีสมาชิก 6 ประเทศได้

นาย Al Marri กล่าวว่าขั้นตอนต่อไปจะจัดประชุมสุดยอดในเดือนพฤศจิกายน 2566 เพื่อหารือเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการวีซ่าใหม่นี้  โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (Ministers of the Interior )     ของประเทศสมาชิกกลุ่ม GCC เข้าร่วมเพื่อขออนุมัติ หากสมาชิกทุกประเทศมีมติเห็นชอบการใฃ้วีซ่าท่องเที่ยวครบวงจรนี้   ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศใช้ภายในปี 2567ถึง 2568 ขึ้นอยู่กับกฎหมายภายในของประเทศของสมาชิก

วีซ่าใหม่นี้อนุญาตนักท่องเที่ยวที่ถือวีซ่า มีสิทธิในการเดินทางได้ชั่วคราวในประเทศสมาชิกโดยถือใบอนุญาตเพียงแค่ใบเดียวแต่สามารถเดินทางข้าม 6 ประเทศของสมาชิกสภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ เพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดในการท่องเที่ยว GCC ช่วยเสริมสร้างการรวมตัวทางเศรษฐกิจ และในระยะต่อไป จะร่วมกันสร้างเส้นทางท่องเที่ยว ที่เชื่อมโยงกับประเทศใน GCC แบบครบวงจร

วีซ่าท่องเที่ยว GCC สำหรับการเดินทางเกินกว่า 30 วัน

วีซ่าใหม่นี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะอยู่ใน GCC เกินกว่า 30 วัน สำหรับในยูเออีมีหน่วยงานสภาการท่องเที่ยวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ The Emirates Tourism Council รับผิดชอบเตรียมความพร้อมเชิงรุกสำหรับเส้นทางท่องเที่ยวทั้ง 7 รัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมในการเชื่อมต่อประเทศภายในอ่าวอาหรับโดยใช้   วีซ่าท่องเที่ยวแบบครบวงจร

ความคิดริเริ่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ    ไปยังภูมิภาคอ่าวอาหรับ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ Gulf Cooperation Council’s 2030 ของสภาความร่วมมือ       อ่าวอาหรับ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในทุกระดับและเพิ่มดันสัดส่วน GDP ด้านการท่องเที่ยว ทั้งนี้ กลุ่มประเทศ GCC มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับการพัฒนาและมีคุณภาพที่ดีอยู่แล้ว

การท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจมาก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาผลดีในเชิงมูลค่าเพิ่ม (value added) และการจ้างงาน สนับสนุนการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ และการขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ  โดยปัจจุบัน การท่องเที่ยวของยูเออีมีสัดส่วนร้อยละ14 ของ GDP  และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็นร้อยละ 18 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว

เมื่อปี 2565  ยูเออีมีโรงแรมทั้งหมดจำนวน 10,649 แห่ง ซึ่งมีจำนวนมากอยู่ในอันดับที่สองรองจากซาอุดีอาระเบีย ส่วนห้องพักโรงแรมทั่ว GCC อยู่ที่ 674,832 ห้อง และจากรายงานของกลุ่มพันธมิตรโรงแรม Global Hotel Alliance หรือ GHA ที่มีสมาชิกโรงแรม 800 แห่ง 40 แบรนด์ ใน 100 ประเทศ โดยจากข้อมูลการจองห้องพักพบว่าประเทศสามอันดับแรกที่มีรายได้มากจากห้องพักในปี 2566 ช่วงระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นปีปัจจุบันจนถึงวันปัจจุบัน (YTD) ได้แก่ สเปน ไทย และอิตาลี โดยสิงคโปร์และยูเออีเข้ามาใกล้อันดับ 4 และ 5

ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว GCC ร่วมระหว่างปี 2566-2573  มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มจำนวนเที่ยวบินขาเข้าไปยังกลุ่มประเทศ GCC ในอัตราร้อยละ 7.0 ต่อปี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มีนักท่องเที่ยวถึง 128.7 ล้านคนภายในปี 2573 นอกจากนี้ ประเทศเหล่านี้ยังได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมีอัตราการเติบโตร้อยละ 8.0 ต่อปี โดยตั้งเป้าไว้ที่ 188 พันล้านเหรียญสหรัฐฯภายในปี 2573

GDP ของภาคการเดินทางและการท่องเที่ยวคาดว่าจะเติบโตในอัตราร้อยละ 7 ต่อปี โดยมีมูลค่าเพิ่มรวม 185.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบกับปี 2565

ทั้งนี้ กลุ่มประเทศ GCC มีสถานที่เที่ยวหรือแหล่งท่องเที่ยว รวมกัน 837 แห่ง โดยยูเออีเป็นผู้นำของภูมิภาคด้วยสถานที่ท่องเที่ยว 399 แห่ง เป็นเจ้าภาพจัดงานและกิจกรรมการท่องเที่ยว 73 งานจากทั้งหมด 224 งานใน GCC

ความเห็นของ สคต.ดูไบ

รัฐบาลยูเออีพยายามกระจายเศรษฐกิจเพื่อหลุดพ้นจากการพึ่งพาน้ำมัน โดยได้ลงทุนด้านการท่องเที่ยวอย่างหนักมาเป็นเวลานาน  การท่องเที่ยวจึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญส่งผลต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง   สนับสนุนภาคส่วนอื่นๆ   เช่น การขนส่ง การโรงแรม และการค้าปลีก ทำให้เกิดการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ เช่น โรงแรม รีสอร์ท และสวนสนุก เป็นปัจจัยสนับสนุนการอุปโภคบริโภคส่งผลทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าของยูเออีและสมาชิกกลุ่ม GCC อืนๆจะมีเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การท่องเที่ยวมีส่วนสําคัญต่อ GDP ทำให้ประเทศเหล่านี้ลงทุนอย่างแข็งขันในโครงการริเริ่มใหม่ๆ  ยูเออีเปิดตัวแคมเปญระดับโลก และใช้ประโยชน์จากกลุ่ม MICE ที่กําลังเติบโตเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว คาดว่าการท่องเที่ยวจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่อไปในอนาคต

 

—————————–

 

ที่มา : WAM

 

thThai