ผลกระทบจากการสู้รบระหว่างอิสราเอล-ฮามาส

สถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันและปุ๋ยเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าอาหารให้เพิ่มมากขึ้นไปด้วย โดยหลังจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสในช่วงวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและก๊าซเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ การที่ความรุนแรงได้เริ่มขยายวงกว้างไปยังประเทศข้างเคียงจะยิ่งส่งผลต่อราคาสินค้าอุปโภคที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย นักวิเคราะห์จาก Mintec เห็นว่าหากความขัดแย้งนี้ขยายไปสู่บริเวณอ่าวเปอร์เซียราคาพลังงานก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันและก๊าซมีส่วนเป็นอย่างมากต่อต้นทุนการผลิตอาหาร และยังส่งผลต่อราคาปุ๋ยและเชื้อเพลิง ซึ่งถึงแม้อิสราเอลจะไม่ได้เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่แต่ความไม่ปกติในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางมักจะส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงานเนื่องจากหลายประเทศเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของโลก ในขณะที่อิสราเอลยังมีการส่งออกปุ๋ยเป็นสินค้าหลัก และยังเป็นศูนย์กลางของบริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ที่เป็นที่น่ากังวลว่าหากการสู้รบส่งผลให้การผลิตในอิสราเอลหยุดชะงักก็อาจจะส่งผลให้เกิดการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่พบว่าราคาสินค้าในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากอิสราเอลยังไม่ประกาศหยุดการส่งออกสินค้า แต่นักวิเคราะห์เห็นว่า หากเหตุการณ์สู้รบยังคงไม่หยุดลง คาดว่าราคาสินค้าอาจจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเนื่องจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อ supply chain และการหมุนเวียนของสินค้าที่อาจต้องเปลี่ยนแหล่งเช่นเดียวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ผู้นำเข้าหลายรายต้องเปลี่ยนการนำเข้าเหล็กจากรัสเซียเป็นเอเชีย

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าเรือขนส่งสินค้าในบริเวณท่าเรือที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณอิสราเอลและฉนวนกาซาได้เริ่มมีการจำกัดการขนส่ง โดยมีทั้งท่าเรือที่หยุดดำเนินการเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการสู้รบ และท่าเรือในอียิปต์ที่เริ่มมีปัญหาขาดแคลนคนทำงานและการตรวจความปลอดภัยที่ส่งผลให้การขนส่งทางเรือเริ่มชะลอตัว และหากการสู้รบยังคงขยายไปยังบริเวณใกล้เคียงอื่นๆ อาจส่งผลต่อเส้นทางเดินเรือ เช่น คลองสุเอซ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการขนส่งสินค้าให้ล่าช้า และอาจจะส่งผลต่อสินค้าเกษตรที่ต้องขนส่งผ่านเส้นทางนี้ราคาเพิ่มสูงขึ้น

ที่มา: The Grocer/Londonlovebusiness.com

 

ข้อมูลเพิ่มเติม/ความเห็น สคต.

จากการสำรวจความคิดเห็นของ IPSOS พบว่าผู้คนในสหราชอาณาจักร 6 ใน 10 คนมีความกังวลว่าการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสจะส่งผลต่อสหราชอาณาจักรทั้งทางด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างชุมชน โดยเห็นว่ารัฐบาลควรวางตัวเป็นกลางในเกี่ยวกับความขัดแย้งในครั้งนี้ ในขณะที่ GfK ได้สำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรหลังการสู้รบเริ่มขึ้น พบว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้ลดลงจาก -21 ในเดือนก่อนหน้าเป็น -30 ในช่วงเดือนนี้ ซึ่งนักธุรกิจและนักลงทุนจะต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพื่อพิจารณาแนวโน้มการใช้จ่าย และพบว่าการสู้รบได้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มลังเลในการใช้จ่าย

สคต. มีความเห็นว่าผู้ส่งออกของไทยและนักลงทุนควรติดตามสถานการณ์การสู้รบในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด และพิจารณาปัจจัยความเป็นไปได้หากเกิดกรณีการสู้รบยืดเยื้อและขยายพื้นที่ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งสินค้ามายังสหราชอาณาจักร และความเป็นไปได้ที่จะมีต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มมากขึ้น

                                                                            

          สรุปโดย สคต. ลอนดอน

thThai