นาย เหงียน ฮ่ง เญียน (Nguyen Hong Dien) รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม และ นาย Khayangaa Bolorchuluun รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาหาร การเกษตร และอุตสาหกรรมมองโกเลีย ลงนามในบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการค้าข้าวที่ยั่งยืนในกรุงฮานอย โดยมีนาย ว๊อ วัน ถื่อง (Vo Van Thuong) ประธานาธิบดีเวียดนาม และนาย Ukhnaagiin Khurelsukh ประธานาธิบดีมองโกเลีย เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (Ministry of Industry and Trade: MoIT) ระบุว่า การลงนามเกิดขึ้นภายใต้กรอบการเยือนเวียดนามของประธานาธิบดี Khurelsukh และภริยา โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามจะสร้างกลไกความร่วมมือที่ครอบคลุม เพื่อรับประกันการจัดหาอาหารและรักษาเสถียรภาพข้าวของทั้ง 2 ประเทศ
การลงนามดังกล่าวมีความสำคัญต่อการดำเนินงานตามที่นายกรัฐมนตรีกำหนด เพื่อส่งเสริมและกระจายตลาดส่งออกข้าวของเวียดนาม ในขณะเดียวกันมีส่วนช่วยในการรวบรวมและส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคีเวียดนาม – มองโกเลีย
ภายใต้บันทึกความเข้าใจดังกล่าว กระทรวงอาหาร การเกษตร และอุตสาหกรรมของมองโกเลียจะทบทวนและนำเสนอความต้องการที่จะนำเข้าข้าวของเวียดนามประจำปี โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนามจะสนับสนุนการเชื่อมต่อกับภาคเอกชน เพื่อส่งออกข้าวตามความต้องการของประเทศมองโกเลีย
ทั้งสองฝ่ายจะจัดโครงการแลกเปลี่ยนและความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างผู้นำเข้าและผู้ส่งออกข้าวอย่างไกล้ชิด เพื่อดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ ตลอดจนส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการค้าข้าวระหว่างผู้ประกอบการของทั้ง 2 ประเทศ
มองโกเลียเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้าในยุคแรกของเวียดนามในเอเชียและทั่วโลก โดยมีการลงนามข้อตกลงทางการค้าครั้งแรกในปี 2501
ความสำคัญระหว่างทั้ง 2 ประเทศคือความต้องการและจุดแข็งที่มีความซึ่งกันและกันอย่างมาก เช่น เวียดนามสามารถตอบสนองความต้องการของมองโกเลียในด้านสินค้าเกษตร การประมง วัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะสินค้าจำเป็น เช่น ข้าว น้ำตาล และน้ำมัน อาหาร และอาหารแปรรูป เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน มองโกเลียมีจุดแข็งในด้านสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ถ่านหิน ทองแดง โลหะ เนื้อสัตว์ (วัว แพะ แกะ) สมุนไพร โดยเฉพาะวัตถุดิบสิ่งทอและรองเท้า สามารถตอบสนองความต้องการของเวียดนามได้อย่างสมบูรณ์
(จาก https://vietnamnews.vn/)
ข้อคิดเห็น สคต
ในช่วงที่ผ่านมา เวียดนามยังคงเป็นคู่ค้าอันดับที่ 11 ของมองโกเลีย โดยในปี 2565 การค้าทวิภาคีมีมูลค่า 85.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยทั้ง 2 ประเทศมุ่งมั่นที่จะบรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนในด้านการค้าสินค้าข้าวที่ยั่งยืน จัดตั้งและพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการมีส่วนร่วมของธุรกิจจากทั้งสองประเทศ และบรรลุผลลัพธ์ที่มั่นคงในความร่วมมือด้านการเกษตรและการพัฒนาชนบท ในช่วงที่ผ่านมาความร่วมมือทางเศรษฐกิจเวียดนาม – มองโกเลียมี การพัฒนาเชิงบวก มูลค่าการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จาก 41.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2560 เป็นมากกว่า 85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2565 และในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 มีมูลค่าประมาณ 75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทั้งสองประเทศมีศักยภาพและข้อได้เปรียบอย่างมากในการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการเกษตร การท่องเที่ยว การศึกษาและการฝึกอบรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และเศรษฐกิจดิจิทัล พลังงาน การสำรวจน้ำมันและก๊าซ การใช้ประโยชน์และการแปรรูป รวมถึงการมีส่วนร่วมในโครงการด้านพลังงาน พลังงานลมหมุนเวียน และพลังงานแสงอาทิตย์ ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายกำลังพัฒนาเป็นไปในทางที่ดี ความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายในการอำนวยความสะดวกในการส่งเสริมการค้า จะช่วยสร้างพลังขับเคลื่อนให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมากยิ่งขึ้น และส่งเสริมพัฒนาการค้าทวิภาคี ระหว่างเวียดนามและมองโกเลีย เพื่อช่วยให้สินค้าข้าวเวียดนามเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคปลายทางในมองโกเลียได้มากยิ่งขึ้น