บริษัทที่ปรึกษาการตลาด Liumina Intelligence ได้ร่วมกับนิตยสาร The Grocer ได้ทำการสำรวจความเห็นของผู้บริโภคต่อขนมหวาน โดยสรุปได้ ดังนี้

  • ขนมหวานที่ได้รับความนิยม 1. ช็อกโกแลต (45%) 2. ลูกอม (16%) 3. เค้ก (12%) 4. ไอศกรีม (10%) 5. บิสกิต (9%) 6. ขนมอบ (6%) โดยผลการสำรวจพบว่าความนิยมของลูกอมเปลี่ยนแปลงตามช่วงอายุ โดยกลุ่มคนอายุมากกว่า 60 ปีเพียง 10% เท่านั้นที่เลือกลูกอม ในขณะที่กลุ่มอคนอายุ 35-44 ปีเลือก ลูกอมมากที่สุดถึง 19%
  • ประชากรทางภาคเหนือของอังกฤษนิยมบริโภคขนมหวานมากถึง 23% ในขณะที่กลุ่มคนที่อาศัยในภาคตะวันออกของอังกฤษมีความนิยมเพียง 10%
  • ผู้บริโภคส่วนใหญ่ซื้อขนมหวานอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง โดยจากการสำรวจพบว่าผู้บริโภค 34% ซื้อขนมหวานสัปดาห์ละครั้ง ในขณะที่ 19% ซื้อขนมหวานทุก 2-3 วัน ทั้งนี้ บริษัทที่ปรึกษาเห็นว่าการวางจำหน่ายสินค้าน้ำตาลน้อยหรือไม่มีน้ำตาลจะช่วยกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภคมากขึ้นจากการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค
  • ผู้บริโภคกว่า 60% ซื้อขนมหวานเพื่อช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ในขณะที่ 37% ซื้อเพื่อช่วยให้สดชื่นขึ้น และ 30% ซื้อขนมหวานให้เด็ก ในขณะที่ผู้บริโภค 69% ซื้อหมากฝรั่งเพื่อช่วยให้ลมหายใจสดชื่น 53% เพื่อช่วยให้สดชื่อ 25% เพื่อช่วยลดความเครียด 19% ทดลองรสชาติใหม่ และ 14% เพื่อเพิ่มความมั่นใจในบางสถานการณ์
  • รสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือมินท์ 49% ในขณะที่รสชาติใหม่ อาทิ เบอรี่ (44%) และ เชอรี่ (41%) เป็นรสชาติที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคกลุ่มอายุ 18-24 ปี นิยมรสชาติแบบ ทรอปปิคอล (43%) แอปเปิล (42%) และเชอรี่ (37%) ในขณะที่ผู้บริโภค 25% ต้องการรสชาติใหม่ และ 63% ต้องการให้มีรสชาติมากขึ้น
  • ผู้บริโภคมีแนวโน้มจะเลือกซื้อขนมหวานมากขึ้นหากมีส่วนผสมน้ำตาลน้อยลง โดยมีผู้บริโภคมากถึง 41% ที่พร้อมจะเลือกซื้อขนมหวานที่มีน้ำตาลน้อยลง ในขณะที่ 35% เลือกซื้อจากราคาที่ถูกกว่า 35% เลือกซื้อที่คุณประโยชน์ของขนมหวาน 29% เลือกซื้อจากรสชาติที่แปลกใหม่ และ 15% เลือกซื้อจากห่อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มา: The Grocer/Statista

    ข้อมูลเพิ่มเติม/ความเห็น สคต.

    ในปี 2022 ผู้บริโภคชาวอังกฤษมีการใช้จ่ายสำหรับขนมหวานซึ่งรวมทั้งน้ำตาล ขนมหวาน และไอศครีมมากถึง 13,000 ล้านปอนด์ ทั้งนี้ ขนมหวานรวมถึงขนมอบ ลูกอม ช็อกโกแลต หมากฝรั่ง และขนมหวานอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของน้ำตาล นอกจากนี้ ในปี 2021 คาดว่ามีการผลิตและจำหน่ายขนมหวานในอังกฤษกว่า 8,800 ตัน คิดเป็นมูลค่ากำไรมากกว่า 4,500 ล้านปอนด์ ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายไอศกรีมในอังกฤษมีมากกว่า 380 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่ากว่า 740 ล้านปอนด์

    ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า ขนมหวานที่น้ำตาลต่ำหรือไม่มีน้ำตาลจะเป็นสินค้าทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการบริโภคขนมหวาน รวมถึงการนำเสนอรสชาติใหม่ๆ จะเป็นโอกาสให้ผู้บริโภคเลือกซื้อมากขึ้น ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยที่พิจารณาเข้าตลาดอังกฤษ อาจพิจารณาประเด็นเรื่องการนำเสนอสินค้าที่ไม่มีน้ำตาลหรือน้ำตาลต่ำ รวมถึงสินค้าที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของไทยมาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสินค้าเพื่อเป็นทางเลือกและเปิดโอกาสให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคอังกฤษยังให้ความสำคัญกับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ก็จะเป็นส่วนช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้นด้วย

    สรุปโดย สคต. ลอนดอน

 

thThai