อียิปต์พิจารณาขายอสังหาริมทรัพย์เป็นเงินสกุลดอลลาร์ให้กับชาวต่างชาติ

 

 

อียิปต์กำลังพิจารณาขายอสังหาริมทรัพย์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐให้กับชาวต่างชาติ โดยร่วมมือกับภาคเอกชน โดยนายกรัฐมนตรี มอสตาฟา มัดโบลี หารือเกี่ยวกับข้อเสนอริเริ่มด้านอสังหาริมทรัพย์ในการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่การเงินและการเคหะระดับสูง โครงการนี้คาดว่าจะกลายเป็นแหล่งสำคัญของสกุลเงินต่างประเทศ

ขณะนี้อียิปต์กำลังประสบกับปัญหาสภาพคล่องของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างรุนแรง เนื่องจากนักลงทุนได้ย้ายเงินเพื่อมองหาอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากตลาดอื่น จากนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้เงินประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ได้ไหลออกจากอียิปต์

ก่อนหน้านี้รัฐบาลอียิปต์ได้ริเริ่มโครงการริเริ่มที่คล้ายกันในปี 2565 และ 2566 โครงการริเริ่มเหล่านี้อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ และอนุญาตให้ชาวต่างชาตินำเข้ารถยนต์ไปยังอียิปต์แบบปลอดภาษีได้

 

 

 

ข้อเสนอแนะ/ข้อคิดเห็น

อียิปต์กำลังประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงิน (Hard Currency) อื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดลดลง ตั้งแต่ปี 2564 – 2565 จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลเสียต่อแหล่งเงินตราต่างประเทศภาคใหญ่ที่สุดสองแห่ง ได้แก่ ภาคการท่องเที่ยว และภาคน้ำมันและก๊าซ สงครามที่เกิดขึ้นในยูเครน นี้ยังส่งผลเสียต่อภาคการท่องเที่ยวของอียิปต์ เนื่องจากชาวรัสเซียและชาวยูเครนเป็นนักท่องเที่ยวหลัก ที่มาเยือนอียิปต์ สงครามยังส่งผลเสียต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลักๆ เช่น ข้าวสาลี ซึ่งอียิปต์ต้องพึ่งพาอย่างมากในการเลี้ยงประชากรมากกว่า 100 ล้านคน นอกจากนี้ความขัดแย้งในฉนวนกาซาที่มีพรมแดนติดกับอียิปต์ ทำให้ภาคการท่องเที่ยวเกิดการชะลอตัว

ในเดือนมกราคม 2566 ธนาคารกลางอียิปต์ได้ลดค่าเงินปอนด์อียิปต์ (EGP) เป็นครั้งที่สาม ส่งผลให้มูลค่าเงินประมาณร้อยละ 40 ลดลงเหลือ 31 ปอนด์ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ และเข้าใกล้ 40 ปอนด์ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ในตลาดคู่ขนาน

เพื่อแก้ไขสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ประกาศแผนการเก็บเงิน 191 พันล้านดอลลาร์จนถึงปี 2569 แผนดังกล่าวรวมถึงการค่อยๆ ขยายโครงการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และสิ่งจูงใจเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนต่างชาติ เช่น การยกเว้นภาษี และใบอนุญาตการลงทุนพิเศษ(Golden Licenses)

นอกจากนี้ อียิปต์กำลังทำงานเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้โครงการเงินกู้มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวและอัตราดอกเบี้ย สอดคล้องกับมาตรฐานของภาคเอกชน รวมถึงการเพิ่มบทบาทของภาคเอกชนในระบบเศรษฐกิจ และแปรรูปกิจการของรัฐโดยการเร่งการเสนอขายหุ้น IPO ให้แก่ประชาชน

จากวิกฤติดังกล่าว ทำให้ภาคการนำเข้าของอียิปต์ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าจากไทยเกิดการชะลอตัวจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน และเกิดปัญหาการชำระเงินที่ล่าช้าที่ต้องรอการอนุมัติจากธนาคารกลางอียิปต์ (CBE) เนื่องจากการขาดแคลนสกุลเงินต่างชาติ ในการนี้ สคต. ณ กรุงไคโร ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าต่อไป

 

____________________________________

 

 

ที่มา https://english.ahram.org.eg/News/512774.aspx

thThai