ซุปเปอร์มาร์เกตสเปน Mercadona ยอดพุ่งสวนกระแสเศรษฐกิจ

ในสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่ไม่ชัดเจน ผู้บริโภคชาวสเปนมีการปรับพฤติกรรมการบริโภคอย่างเห็นได้ชัด คือ เพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้นและลดการจับจ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงกลุ่มสินค้ายานยนต์และการลงทุนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงให้ความสำคัญกับการกินดื่มและเที่ยวมากอยู่เช่นเคย

Mercadona ซึ่งเป็นเครือซุปเปอร์มาร์เกตที่ใหญ่ที่สุดในสเปน ปัจจุบันมี 1676 ร้าน จึงยังคงเติบโตสวนกระแสอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกันยายน 2566 ยอดขายของ Mercadona ขยายตัวร้อยละ 4 ในขณะที่ภาพรวมซุปเปอร์มาร์เกตในยุโรปมีการหดตัวลงร้อยละ 0.2 โดยในตลาดสเปน Mercadona เป็นซุปเปอร์มาร์เกตที่ใหญ่ที่สุด ครองสัดส่วนตลาดร้อยละ 35  ในปี 2564 มียอดขาย 25.26 พันล้านยูโร ตามด้วยซุปเปอร์มาร์เกต El Corte Ingles ยอดขาย 9.33 พันล้านยูโร Carrefour ยอดขาย 8.22 พันล้านยูโร และ Eroski 4.27 พันล้านยูโร ในด้านปริมาณ Mercadona มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ในปี 2565 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคาดว่าบริษัทจะทำลายสถิติรายได้ในปีนี้ และอยู่ระหว่างรุกตลาดออนไลน์

กลยุทธ์ที่สำคัญของ Mercadona คือ ทำเลที่ตั้งในพื้นที่ชุมชนคนอาศัยและดำเนินธุรกิจเป็นซุปเปอร์มาร์เกตแบบเต็มรูปแบบ มีสินค้าให้เลือกครบครัน ในขณะที่คู่แข่งหลายรายเลือกทำเลไกลจากชุมชน หรือ ตั้งอยู่ในชุมชนแต่เป็นซุปเปอร์มาร์เกตแบบย่อ   กลุ่มสินค้า 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าสัตว์เลี้ยง สุขภาพความงาม และสินค้าเครื่องใช้ในบ้าน

ปัจจุบันมีสินค้าไทยที่จำหน่ายอยู่ในซุปเปอร์มาร์เกต Mercadona จำนวน 8 sku ได้แก่ กะทิ น้ำมะพร้าว ซอสเจ๊เล็ก เครื่องแกง ถุงมือยาง เกี๊ยวกุ้ง ถุงซิปลอค น้ำยาดับกลิ่นกาย และถุงยางอนามัย ซึ่งผู้นำเข้ามีความสนใจนำเข้าสินค้าไทยมากขึ้นกว่านี้ โดยเฉพาะสินค้าอาหาร อาหารกระป๋อง แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสินค้าไทยมีข้อเสียเปรียบคู่แข่งสำคัญ อาทิ เวียดนาม ในด้านภาษีนำเข้าซึ่งทำให้สินค้าไทยมีราคาแพงกว่ามาก หากไทยสามารถบรรลุการเจรจาข้อตกลง FTA Thai-EU จะเป็นประโยชน์กับการนำเข้าสินค้าไทยมายังสเปนอย่างมาก

ข้อคิดเห็น สคต.

สินค้าไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและมีภาพลักษณ์ดีในตลาดสเปน แต่มีข้อจำกัดด้านการขนส่งและมักเสียเปรียบคู่แข่งด้วยภาษีซึ่งทำให้สินค้าไทยมีราคาสูงกว่าในตลาด อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคและผู้นำเข้าหลายรายเห็นว่าสินค้าไทยที่มีความแตกต่าง มีจุดเด่น และมีมาตรฐาน จะสามารถเจาะตลาดสเปนได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงปีนี้ที่ชาวสเปนหันมาเปิดรับวัฒนธรรมและพร้อมลองสินค้า วัฒนธรรมต่างชาติมากขึ้นอย่างมาก ผู้ประกอบการไทยที่สนใจควรเร่งศึกษากฎระเบียบการส่งออกมายังตลาดสเปน ซึ่งมีพื้นฐานเดียวกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรปอื่นๆ และอาจพิจารณาทดลองตลาดผ่านงานแสดงสินค้าสำคัญ อาทิ Alimentaria และ Salon Gourmet โดยขอรับการสนับสนุนผ่านโครงการ SME Proactive ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้

ที่มา : European Supermarket Magazine

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมาดริด
30 พฤศจิกายน 2566