หม้อไฟเป็นอาหารที่คนจีนถือว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานมานับพันปี และเป็นเมนูที่ถูกนิยามว่าเป็นอาหารหม้อไฟแห่งความสุข ชาวจีนนิยมทานกันในช่วงฤดูหนาว เพื่อเพิ่มความอบอุ่นในร่างกาย เป็นอาหารที่มักจะทานพร้อมกันหลายคน ทานร่วมกันในครอบครัวหรือเพื่อนฝูง นอกจากนี้ ธุรกิจหม้อไฟในประเทศจีนเติบโตขึ้นจากการที่ชาวจีนมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้เลือกรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น โดยหม้อไฟเป็นอาหารเมนูแรก ๆ ที่ชาวจีนนึกถึง
จากข้อมูลพบว่า ในปี 2565 ประชากรชาวจีนมีรายได้สุทธิเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 36,900 หยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.13 ทำให้มีความต้องการบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น ถือว่าเป็นโอกาสธุรกิจร้านอาหารหม้อไฟที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้
1.ภาพรวมตลาดอุตสาหกรรมหม้อไฟ
ในปี 2565 ประเทศจีนมีมูลค่าตลาดอุตสาหกรรมหม้อไฟรวม 499,800 ล้านหยวน คาดการณ์ว่าจะขยายตัวมากขึ้นจนเกิดมูลค่าถึง 668,900 ล้านหยวนในปี 2568 อุตสาหกรรมหม้อไฟในประเทศจีนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ยกเว้นในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-10 ในปี 2563 ซึ่งหากเปรียบเทียบกับร้านอาหารประเภทอื่น ร้านหม้อไฟเป็นร้านอาหารที่เข้าถึงง่าย เป็นที่นิยมและเข้ากับไลฟ์สไตล์การทานอาหารของคนจีน ทำให้ตลาดนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในยุคสมัยปัจจุบัน
2.จำนวนร้านหม้อไฟที่มีชื่อเสียงในตลาดจีน ประจำปี 2565
จากข้อมูลพบว่า ธุรกิจหม้อไฟในตลาดจีนแพร่กระจายทั่วประเทศจีน ซึ่งหากพูดถึงร้านหม้อไฟจีนที่มีชื่อเสียง เช่น 1) ร้าน Haidilao (ไหตี่เลา) ซึ่งมีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 1,443 ร้าน ในจำนวนนี้เป็นสาขาที่ตั้งอยู่ในแผ่นดินใหญ่จำนวน 1,329 สาขา และอีก 114 สาขาตั้งอยู่ในฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน รวมถึงประเทศอื่น ๆ 2) ร้าน Uttle Sheep (เสี่ยวเฟยหยาง) ที่มักจะตั้งอยู่ในภาคเหนือของประเทศจีน 3) Baheli (ปาเหอหลี่) มีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 268 สาขา ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้งและฝูเจี้ยน เป็นต้น
3.พฤติกรรมผู้บริโภค
3.1 ชาวจีนนิยมรับประทานหม้อไฟสไตล์เสฉวน โดยนิยมใส่วัตถุดิบ เช่น ผ้าขี้ริ้วและลูกชิ้นกุ้งสด นอกจากนี้ ชาวจีนในพื้นที่ที่เดิมทีรับประทานอาหารรสชาติอ่อนหันมารับประทานอาหารรสชาติเผ็ดกันมากขึ้น ส่งผลให้หม้อไฟสไตล์เสฉวน ซึ่งมีรสชาติที่เผ็ดจัดจ้านเป็นหม้อไฟยอดฮิตสำหรับชาวจีนในปัจจุบัน
3.2 การบริโภคหม้อไฟของชาวจีนมีความหลากหลายมากขึ้น นอกจากทานที่ร้านแล้ว ยังมีการทำทานที่บ้าน โดยพบว่า ผู้บริโภคร้อยละ 49.3 นิยมรับประทานหม้อไฟที่บ้าน โดยเฉพาะผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในเมืองขนาดเล็ก ทำให้อุตสาหกรรมเครื่องปรุงมีโอกาสขยายตัวมากขึ้น
3.3 ชาวจีนในแต่ละพื้นที่มีวัฒนธรรมการทานหม้อไฟที่แตกต่างกันไป เช่น ในมณฑลฉงชิ่ง การทานหม้อไฟก็จะใช้ความพิถีพิถันตั้งแต่ลำดับขั้นการใส่วัตถุดิบ ลำดับการกิน ไปจนถึงวิธีการลวกเนื้อ โดยขั้นตอนแรกจะต้องใส่น้ำมันงา ขิง ต้นหอมและกระเทียมก่อน และในการลวกต้องใช้วิธีการลวกแบบจุ่มขึ้นลง 15 ครั้ง และในบางพื้นที่จะใส่เนื้อและผักที่มีความหมายมงคลก่อน
3.4 ชาวจีนไม่นิยมดื่มซุปหม้อไฟที่รสจัดและมันมาก ๆ เนื่องจากเชื่อว่าไม่ดีต่อสุขภาพตับและไต และนิยมดื่มน้ำชาเพื่อลดรสชาติเผ็ดและความมัน อีกทั้งนิยมรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นต่อ เพื่อปรับสมดุลความร้อนในร่างกาย
- 4. ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ
4.1 ด้านสถานที่ตั้ง
การเปิดร้านหม้อไฟจำเป็นต้องเปิดในบริิเวณที่มีคนจำนวนมาก เช่น บริเวณห้างสรรพสินค้า โรงเรียน ถนนนคนเดิน หรือบริเวณอื่น ๆ ที่มีความเจริญ ทั้งนี้ ค่าเช่าในแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องพิจารณาถึงต้นทุนค่าเช่าที่จะเกิดขึ้นด้วย ในขณะเดียวกันจะต้องเลือกสถานที่ตั้งที่มีสุขอนามัยที่ดี สะอาดและมีสภาพแวดล้อมที่ดีถึงจะสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าได้
4.2 กลุ่มผู้บริโภค
ผู้ประกอบการจะต้องวิเคราะห์และเข้าใจทิศทางการบริโภคพื้นฐานของกลุ่มผู้บริโภค จำเป็นต้องเปิดร้านให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภค เช่น การเปิดในย่ายธุรกิจอาจจะเปิดร้านในช่วงกลางวัน/เย็น หากเป็นเขตที่อยู่อาศัยก็จะเน้นการเปิดร้านในช่วงเย็นหรือวันหยุด เป็นต้น
4.3 การตกแต่งร้าน
การตกแต่งร้านอาหารเป็นหัวใจสำคัญในการดึงดูดผู้บริโภค การตกแต่งร้านอาหารควรให้ความรู้สึกสะอาด สว่าง และสบายตาเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ การวางโครงสร้างร้านอาหารก็มีส่วนสำคัญ เช่น โต๊ะอาหารไม่ควรยาวเกินไป ทางเดินไม่ควรแคบเกินไป หากวางแบบโครงสร้างไม่เหมาะสมจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และยังส่งผลต่อความเร็วในการเสิร์ฟอาหารและประสบการณ์การรับประทานอาหารของลูกค้าอีกด้วย
4.4 การสื่อสาร
ร้านอาหารไทยที่เพิ่งเปิดใหม่จำเป็นจะต้องมีการสื่อสารกันให้มาก โดยเฉพาะการสื่อสารระหว่างหัวหน้าเซฟ การหารือกันในด้านราคาและรสชาติของอาหาร อีกทั้งยังต้องมีการสื่อสารกับพนักงานเสิร์ฟมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
- ตัวอย่างร้านอาหารไทยสไตล์หม้อไฟในมณฑลยูนนาน
ความคิดเห็น สคต.
ปัจจุบันชาวจีนนิยมรับประทานหม้อไฟเป็นอย่างมาก ในประเทศจีนมีร้านหม้อไฟใหม่ ๆ มาเปิดแข่งกันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีหม้อไฟสไตล์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย และชาวจีนที่มีกำลังทรัพย์และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก็พร้อมที่จะยอมรับการรับประทานอาหารใหม่ ๆ ทำให้เป็นโอกาสของธุรกิจ หม้อไฟสไตล์ไทย ซึ่งชาวจีนมีความชื่นชอบรสชาติของต้มยำกุ้งเป็นเดิมทีอยู่แล้ว ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ Soft Power ของละครหรือซีรีย์ไทยในการดึงดูดให้ผู้บริโภคชาวจีนหันมานิยมรับประทานหม้อไฟสไตล์ไทยกันมากขึ้น ในขณะเดียวกันธุรกิจหม้อไฟสไตล์ไทยในตลาดจีนยังสามารถช่วยผลักดันการค้าเครื่องปรุงรสและน้ำจิ้มของไทยได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหม้อไฟมีการแข่งขันสูงในตลาดจีน ผู้ประกอบการจะต้องสร้างจุดขาย ทำ Online Marketing โดย KOL/ เน็ตไอดอล เพื่อกระตุ้นยอดขาย และที่สำคัญจะต้องศึกษากฎระเบียบ พฤติกรรมการบริโภคของคนจีน เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและยั่งยืนต่อไป
*****************************************
แหล่งที่มา : https://baijiahao.baidu.com/s?id=1729884202890451380&wfr=spider&for=pc
สคต. คุนหมิง