Sligro Food Group ห้างค้าส่งสำหรับธุรกิจ HORECA ของเนเธอร์แลนด์ที่มีสาขาทั้งในเนเธอร์แลนด์และเบลเยี่ยม เปิดเผยตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 7 ทำให้ผลประกอบการทั้งปี 2566 มีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 2,860 ล้านยูโร หรือมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 เมื่อเทียบกับปี 2565 แต่อย่างไรก็ตาม การเติบโตที่สูงขึ้นมากนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากผลประกอบการของห้าง Sligro ในประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งมีมูลค่าซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 75.4 โดย Sligro Food Group พยายามที่จะเข้าไปตั้งหลักและขยายธุรกิจในเบลเยี่ยมด้วยการเข้าซื้อกิจการห้าง Metro ในประเทศเบลเยี่ยมในปี 2566 และเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ศาลพาณิชย์ในเมือง Antwerp ประเทศเบลเยี่ยมได้อนุมัติการประมูลซื้อกิจการห้าง Metro ของ Sligro Food Group จำนวน 9 สาขา สำหรับการเติบโตของผลประกอบการของ Sligro Food Group โดยรวมแบบ Organic Turnover Growth อยู่ที่ร้อยละ 8.8 ทั้งนี้ ในเนเธอร์แลนด์ บริษัทผู้ให้บริการด้านอาหาร (Food Service Company) มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 8.6
มูลค่าการซื้อขายของห้าง Sligro ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 702 ล้านยูโรเป็น 751 ล้านยูโร เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ในเนเธอร์แลนด์ มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2 เป็นมูลค่า 640 ล้านยูโร ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายในเบลเยี่ยมเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 45 เป็น 111 ล้านยูโร แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามูลค่าการซื้อขายจะเพิ่มสูงขึ้นแต่ Sligro ก็กำลังเผชิญกับปัญหาเรื่องปริมาณการซื้อขายที่ลดลงอันเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง แม้ว่าในช่วงหลังสถานการณ์โควิดที่อุตสาหกรรมการจัดเลี้ยงส่วนใหญ่ต้องหยุดชะงัก แต่ Sligro ก็ยังพยายามและสามารถทำให้กิจการฟื้นตัวกลับมาได้อย่างเหมาะสม
เมื่อหลายปีก่อน Sligro ได้เคยแสดงเจตจำนงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการเข้าไปตั้งหลักและขยายธุรกิจในเบลเยี่ยม โดยในปี 2559 Sligro ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท Java Foodservice และต่อมาในปี 2560 Sligro ก็ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท ISPC ซึ่งเป็นกิจการค้าส่ง และล่าสุดในปี 2566 Sligro ได้เข้าซื้อกิจการห้างค้าส่ง Metro ซึ่งหลังจากการเข้าซื้อกิจการ Metro ในเบลเยี่ยม Sligro ได้กลายเป็นผู้ค้าส่งสินค้าอาหารรายใหญ่ที่สุดในเบลเยี่ยม นอกจากนี้ Sligro Food Group ยังได้เข้าซื้อกิจการบริษัท Simon Loos Transport ผู้ให้บริการด้านการขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ Sligro Food Group จะสามารถบริหารจัดการระบบการสั่งซื้อและระบบการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าด้วยตนเอง และยังเป็นการวางรากฐานที่สำคัญให้แก่ Sligro Food Group Transport ในอนาคตอีกด้วย
บทวิเคราะห์และความเห็น สคต.
แม้ว่าเศรษฐกิจเนเธอร์แลนด์จะอยู่ในภาวะชะลอตัว และความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ธุรกิจค้าส่งสินค้าอาหารก็ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเข้าซื้อกิจการเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตและแข็งแกร่งขึ้น เช่นในกรณีของ Sligro Food Group แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในช่วงวิกฤตเงินเฟ้อ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของเนเธอร์แลนด์ที่เคยอยู่ในระดับที่สูงมากจะค่อยๆ ปรับตัวลดลงมาแล้วก็ตาม โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยของเนเธอร์แลนด์ในปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 3.8 ซึ่งยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับเป้าหมายที่ร้อยละ 2 และอัตราเงินเฟ้อสำหรับสินค้าอาหาร (Food Inflation) ก็ยังอยู่ในระดับสูง แม้ว่าจะปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องจากระดับที่สูงมากถึงร้อยละ 9.4 ในเดือนกันยายนและร้อยละ 7.3 ในเดือนพฤศจิกายน จนลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4 ในเดือนธันวาคม 2566 ส่งผลให้ตัวเลขผลประกอบการหรือมูลค่าซื้อขายสินค้าเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าปริมาณการซื้อขายสินค้าจะลดลงก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตาม สินค้าอาหารและเครื่องดื่มก็ยังเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และยังเป็นสินค้าที่มีโอกาสทางการตลาด หากสินค้าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการธุรกิจ HORECA สคต. ณ กรุงเฮก เล็งเห็นโอกาสในการขยายตลาดสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเข้าสู่ธุรกิจ HORECA โดยได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า HORECAVA 2024 ในรูปแบบ Thailand Pavilion เมื่อวันที่ 8-11 มกราคม 2567 ที่ศูนย์แสดงสินค้า RAI กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมอาหารไทย ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มของไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ HORECA ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานจำนวนมาก อาทิ ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ Sport Club โรงภาพยนตร์ ผู้รับจัดงานเลี้ยง (Catering) ผู้ประกอบการ Food Service เชฟ และ Food Stylist รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งสินค้าอาหารและเครื่องดื่มสำหรับธุรกิจ HORECA จึงคาดว่าสินค้าอาหารและเครื่องดื่มของไทยจะสามารถเจาะตลาดกลุ่มธุรกิจ HORECA ได้มากขึ้นในอนาคต
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก