ในปี 2023 อุปสงค์ของทองแดงในตลาดอินเดียขยายตัวขึ้นถึง 1,522 กิโลตัน จาก 1,311 กิโลตันในปี 2022 โดยเป็นการขยายตัวสองปีซ้อนสืบเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสะท้อนจากการบ่งชี้ด้วยอัตราการขยายตัวด้วยตัวเลขสองหลัก
ในปี 2021 – 2022 อินเดียนำเข้าทองแดงจำนวน 238,483 ตันและ 238,694 ตันตามลำดับ จากข้อมูลทางสถิติบ่งชี้ว่าตลาดทองแดงอินเดียคาดว่าจะขยายตัวในอัตราเฉลี่ยต่อปีระหว่างปี 2020 ถึง 2026 เป็นร้อยละ 4.4 โดยสัดส่วนทองแดงร้อยละ 40 ที่ใช้ภายในประเทศถูกจัดสรรอยู่ในหมวดสาธารณูปโภคและธุรกิจก่อสร้าง ในขณะที่ร้อยละ 11-13 จะอยู่ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มธุรกิจในสินค้าอุปโภคบริโภค
จากกราฟข้อมูลจะเห็นได้ว่า ความต้องการบริโภคทองแดงในตลาดอินเดียถูกแบ่งออกเป็นหลายภาคธุรกิจ โดยอุตสาหกรรมภาคธุรกิจก่อสร้าง ครองสัดส่วนมากที่สุดถึงร้อยละ 49 ตามมาด้วยภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หมวดเครื่องใช้อุปโภคบริโภค และหมวดคมนาคม ตามลำดับ
ภาคการผลิตทองแดงภายในอินเดียมีอัตราลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมาณ 2019 เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ปิดโรงงานผลิตทองแดงที่เมือง Tuticorin ส่งผลให้เกิดความต้องการทองแดงภายในประเทศเป็นอย่างมากทำให้ต้องนำเข้าอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่าห้าปีที่ผ่านมา อินเดียจึงเป็นประเทศผู้นำเข้าทองแดงสำคัญของโลก
นักวิจัยเชื่อว่าการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างและมีความตั้งใจที่จะเร่งเดินหน้าภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า จะส่งผลให้อุปสงค์ทองแดงภายในประเทศสามารถขยายตัวสูงถึงร้อยละ 10 -11 ในอีกสองปีข้างหน้า
ข้อมูลเพิ่มเติม
1.อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการติดตั้งแหล่งพลังงานทางเลือกที่เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับ ยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโต ทำให้ความต้องการสำหรับการใช้สายเชื่อมและเคเบิลที่ทำจากทองแดงซึ่งเป็นปัจจัยหลักเพิ่มขึ้นด้วย
2.อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของการใช้สินค้าทองแดงในภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ด้วยคุณสมบัติของทองแดงที่มีความทนทานและแข็งแรงรวมไปถึง คุณสมบัติที่ง่ายต่อการรีไซเคิลทำให้เกิดการนำทองแดงมาเป็นส่วนผสมของการผลิตท่อและหลอดทูปเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในการก่อสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงต่างๆในระบบ HVAC
3.ในปี 2022 อินเดียนำเข้าทองเดงจากไทยมูลค่า 398.9 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีตลาดนำเข้าที่สำคัญได้แก่สหรัฐอเมริกา ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และตลาดอินเดียได้กลายเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของเศษทองแดง (Copper Scrap)
4.ทองแดงกลายเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้มากที่สุดเป็นอันดับสามในภาคอุตสาหกรรมโลหะรองจากเหล็กและอะลูมิเนียม โดยอุปสงค์ภายในประเทศสำหรับแร่ชนิดนี้จะขยายตัวสูงถึงร้อยละ 10-11 ในอีกสองปีข้างหน้าส่งผลให้อินเดียยังมีแนวโน้มที่จะนำเข้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับภาคอุตสาหกรรมทองแดงของประเทศไทยที่จะเจาะตลาดและดำเนินธุรกิจส่งออกเพื่อตอบสนองความต้องการในภาคอุตสาหกรรมของอินเดีย
5.ปี 2024 – 2025 ปัจจัยจากแรงผลักดันของภาคสาธารณูปโภคและอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า กลายเป็นอีกเหตุผลสำคัญในการนำเข้าทองแดงอย่างต่อเนื่องในอีก 4-5 ปีข้างหน้าและคาดว่าความต้องการของแร่ทองแดงจะขยายตัวสูงขึ้นถึง 1.71 ล้านตัน ภายในปี 2027 ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2023 อัตราการเก็บอากรขาเข้าสำหรับทองแดงสังกะสีและตะกั่วลดลงจากร้อยละ 35 เป็นร้อยละ 25
ข้อคิดเห็น
1.ธุรกิจทองแดงของตลาดอินเดียกำลังเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตในเชิงวัตถุดิบสำคัญของหลาย จากข้อมูลเชิงสถิติระบุว่าในปีงบประมาณ 2023 อินเดียนำเข้าสูงถึงร้อยละ 30 เป็นการนำเข้าหลักนำไปใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และเพื่อผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของประเทศ ปี 2566 (ม.ค.-พ.ย.) ประเทศไทยส่งออก ทองแดงและของทำด้วยทองแดง (HS code 347000000) เป็นอันดับ 4 คิดเป็นมูลค่า 374.24 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 12.59 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปีที่ผ่านมา และมีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน (ร้อยละ 28.49) ญี่ปุ่น (14.90) เวียดนาม (12.95) อินเดีย (12.44)
2.สคต.เห็นว่า แม้ว่าภาพรวมราคาทองแดงตลาดโลกในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 จะมีราคาปรับตัวลดลงร้อยละ 4.1 เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา โดยในปี 2565 ทองแดงมีราคาเฉลี่ย 8,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน อย่างไรก็ดี ธุรกิจทองแดงคาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลอินเดียยังให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า การผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทย ควรใช้โอกาสเพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้ากับประเทศอินเดียสำหรับธุรกิจทองแดงและสินค้าที่มีมีทองแดงเป็นส่วนประกอบ ในภาวะที่อุปสงค์ของตลาดยังมีแนวโน้มเติบโตในอีก 4-5 ปี โดยผู้ประกอบการไทยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมทั้งด้านกฎระเบียบ มาตรฐานและแนวปฏิบัติสำหรับการนำเข้าสินค้าทองแดงมายังอินเดียผ่านหน่วยงานรัฐ dpiit.gov.in และ bis.gov.in ได้ต่อไป