เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งชาติของตุรกี (Turkey’s Central Bank) ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (ken Interest Rate) อีกร้อยละ 2.5 ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยของตุรกีเพิ่มขึ้นไปแตะที่ร้อยละ 45 แล้วในขณะนี้
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งชาติตุรกีในครั้งนี้เป็นการปรับเป็นครั้งที่ 8 นับจากเมื่อประธานาธิบดีแอรโดก์อานชนะการเลือกตั้งเมื่อกลางปี 2566 ที่ผ่านมา และได้มีการปรับคณะผู้บริหารที่ดูแลด้านเศรษฐกิจของประเทศทั้งหมดรวมทั้งตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติด้วย อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า ถึงแม่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปขนาดนี้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะลดปัญหาเงินเฟ้อที่สะสมมานานลงได้ในระยะเวลาอันสั้น
ตุรกีต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรงซึ่งราคาสินค้าและค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัวมามากกว่า 2-3 ปี แล้ว โดยตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาดังกล่าว ผู้นำรัฐบาลที่ผ่านมาซึ่งก็คือประธานาธิบดีแอรโดก์อานนั่นเองกลับมีนโยบายที่จะกดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำเข้าไว้ ถึงแม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าสวนทางกับแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจตามกระแสหลักแต่ก็ไม่สนใจจนเคยถึงขั้นปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติที่ทักท้วงในเรื่องนี้ออกในช่วงปลายรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีแอรโดก์อานได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ได้เกิดการปรับเปลี่ยนท่าทีเกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจไปในทิศทางที่เป็นสากลมากขึ้น และได้แต่งตั้งนาง Hafize Gaye Erkan ซึ่งมีประวัติเคยเป็นผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาให้เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติ และภายใต้การบริหารของนาง Hafize นี้ได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 8.5 จนกระทั่งมาแตะที่ร้อยละ 45 ในครั้งนี้ ซึ่งคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยบวกกับนโยบายหลายอย่างที่ปรับทิศทางใหม่จะสามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของตุรกีได้หรือไม่
ข้อคิดเห็นจากสำนักงานฯ
จากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจตุรกี (The Turkish Business Confidence Numbers) ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาปรากฏว่าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 100.9 เมื่อเทียบกับผลสำรวจในเดือนธันวาคมปีที่แล้วที่ตัวเลขอยู่ที่ 99.1 (ตัวเลขที่เกิน 100 แปลว่าเป็นไปในทิศทางบวก และตัวเลขที่ต่ำกว่า 100 แปลว่าเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม) แสดงให้เห็นว่าภาคธุรกิจของตุรกียังคงมีความหวังกับแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ และผลประโยชน์บางประการที่ตุรกีได้รับจากสถานการณ์โลก ซึ่งถึงแม้ว่าปัญหาสำคัญที่กระทบต่อทุกภาคส่วนอย่างอัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูงมากถึงร้อยละ 64.8 ในเดือนธันวาคม 2566 แต่ก็ยังถือว่าต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 65.1 ทั้งนี้ ยังคงต้องรอดูผลกระทบจากปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยทั้งจากภายในประเทศเอง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการคอร์รัปชั่นที่มีอยู่สูง การเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจแก่พวกพ้องของผู้มีอำนาจ ซึ่งทำลายบรรยากาศในการประกอบธุรกิจ และผลักดันให้ภาคธุรกิจและแรงงานที่มีฝีมือไหลออกนอกประเทศ และปัจจัยจากสถานการณ์ภายนอกที่คาดเดาทิศทางได้ยากอย่างเช่นสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน หรือสถานการณ์ในคาบสมุทรอาหรับ เป็นต้น