สำนักงานสถิติแห่งชาติสหราชอาณาจักร (Office for National Statistic s – ONS) รายงานว่ามูลค่าการค้าปลีกในเดือนธันวาคม 2566 ลดลงร้อยละ 3.2 ซึ่งเป็นอัตราลดลงที่สูงสุดนับจากช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิท โดยสินค้ากลุ่มที่ไม่ใช่อาหารมีอัตราลดลงถึงร้อยละ 3.9 ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายนมีอัตราลดลงร้อยละ 2.7 สินค้ากลุ่มอาหารมียอดขายลดลงร้อยละ 3.1 ในเดือนธันวาคม จากเดือนพฤศจิกายนซึ่งมีอัตราขยายตัวร้อยละ 1.1 สาเหตุหลักที่ยอดขายในเดือนพฤศจิกายนขยายตัวเนื่องจากธุรกิจค้าปลีกต่างจัดให้มีการลดราคาล่วงหน้าก่อนเทศกาลส่งผลให้ยอดขายสูงขึ้น
สินค้าที่มียอดขายลดลงได้แก่ ของเล่น อุปกรณ์กีฬา นาฬิกาและเครื่องประดับ แสดงให้เห็นว่าชาวอังกฤษใช้จ่ายในส่วนของของขวัญในช่วงเทศกาลคริสต์มาสลดลง ขณะที่สินค้าในกลุ่มแฟชั่นยังคงมียอดขายค่อนข้างดี ทั้งนี้ ผู้บริโภคชาวอังกฤษยังคงใช้จ่ายในด้านสันทนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสมัครเป็นสมาชิกภาพยนตร์ Streaming ได้แก่ Netflix, Amazon Prime Video และ Apple TV ซึ่งมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยถึงร้อยละ 7
สมาพันธ์ผู้ค้าปลีกของสหราชอาณาจักร British Retail Consortium (BRC) คาดการณ์ว่าในปี 2567 ค่าครองชีพสูงยังคงเป็นปัญหาหลักที่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในครอบครัว และการสู้รบในทะเลแดงจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าในประเทศอีกด้วย
ในส่วนของการค้าระหว่างประเทศ จากข้อมูลของ ONS , UK Trade : November 2023 ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ สหราชอาณาจักรมียอดนำเข้า 46.8 พันล้านปอนด์ ลดลงร้อยละ 1.7 ซึ่งเป็นการลดลงของการนำเข้าทั้งจากประเทศในสหภาพยุโรปและนอกกลุ่มสหภาพยุโรป โดยเป็นการนำเข้าสินค้าในกลุ่มเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ด้านการขนส่ง และพลังงาน ลดลง ขณะที่การส่งออกในเดือนพฤศจิกายนปีนี้มีมูลค่า 30.6 พันล้านปอนด์ ลดลง 0.6 พันล้านปอนด์ หรือลดลงร้อยละ 2.0 ส่งผลให้สหราชอาณาจักรขาดดุลการค้าที่ 16.2 พันล้านปอนด์
ตลาดส่งออกสินค้าหลักของสหราชอาณาจักรได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ตามลำดับ สินค้าส่งออก 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องจักร เชื้อเพลิง โลหะมีค่า ยานพาหนะ และ เครื่องใช้ไฟฟ้า
ตลาดนำเข้าสินค้าหลักของสหราชอาณาจักรได้แก่ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา จีน เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส ตามลำดับ สินค้านำเข้า 5 อันดับแรกของสหราชอาณาจักร ได้แก่ เครื่องจักร เชื้อเพลิง ยานพาหนะ โลหะมีค่า และเครื่องมือไฟฟ้า
สำหรับสถานการณ์การค้าระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร ในปี 2566 ที่ผ่านมา สองฝ่ายมีมูลค่าการค้ารวม 6,740.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งเป็นไทยส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรมูลค่า 4,073.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 0.9 สินค้าส่งออกจากไทยที่สำคัญ ได้แก่ ไก่แปรรูป รถยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ชิ้นส่วนอากาศยาน และผลิตภัณฑ์ยาง ขณะที่ไทยนำเข้าจากสหราชอาณาจักรรวมทั้งสิ้น 2,667.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.7 สินค้านำเข้ามายังไทยที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องดื่ม น้ำแร่ ยานพาหนะ ผลิตภัณฑ์เวชกรรม และเครื่องมือการแพทย์ ทั้งนี้ ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าจำนวน 1,406 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม
การส่งออกของไทยไปยังสหราชอาณาจักรในปี 2566 ขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 สินค้าที่ขยายตัวหลักได้แก่ ส่วนประกอบอากาศยาน และชิ้นส่วนรถยนต์ซึ่งสหราชอาณาจักรมีโรงงานผลิตในประเทศไทย ขณะที่สินค้ากลุ่มอาหาร เช่น ไก่แปรรูป อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน และเครื่องปรุงอาหารไทย และสินค้ากลุ่มอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ได้แก่ อาหารที่ทำจากพืช (Plant Based Food ) ที่ยังคงขยายตัวได้ดี ขณะที่สินค้าที่สำคัญอื่นๆ เช่น รถจักรยานยนต์ และเครื่องปรับอากาศ ยังคงเป็นสินค้าที่มียอดส่งออกขยายตัวได้ดี