ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการโจมตีของกลุ่มกบฏ Huthi อาจน้อยกว่าที่คิด

“ปัญหาการขนส่งสินค้าในทะเลแดงคาดว่าจะเกิดผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก” จากข้อมูลดัชนีการจัดการตู้คอนเทนเนอร์ของสถาบันเพื่อการวิจัยทางเศรษฐกิจแห่งลุ่มน้ำไรน์และภูมิภาคเวสฟาเล่นส์ (RWI – Rheinisch-Westfälisches Institut für Wirtschaftsforschung) ที่จัดทำร่วมกับสถาบันเศรษฐกิจการเดินเรือและโลจิสติกส์ (ISL- Instituts für Seeverkehrswirtschaft und Logistik) เปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์ Handelsblatt ว่า ในเดือนธันวาคม 2023 ดัชนีการจัดการตู้คอนเทนเนอร์ลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรืออยู่ที่ 125.1 จุด ในขณะที่เดือนพฤศจิกายน 2023 ดัชนีตัวนี้อยู่ที่ 125.4 จุด ด้านนาย Torsten Schmidt ผู้อำนวยการสถาบัน RWI กล่าวว่า “ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาปริมาณการขนส่งของตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกยังคงมีเสถียรภาพ แม้ว่าในเวลานี้จะมีปัญหาเกิดขึ้นจากการโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงเพิ่มขึ้นก็ตาม” แม้ว่าข้อมูลจะยังมีข้อจำกัดเกินกว่าที่จะฟันธงได้ 100% เพราะท่าเรือหลายแห่งโดยเฉพาะท่าเรือในจีนยังไม่ได้รายงานข้อมูลให้ทราบ แต่ตัวเลขในเดือนธันวาคม 2023 ก็อ้างอิงจาก 24% ของปริมาณงานตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานว่าจะเกิดปัญหาเช่นเดียวกับช่วงปลายการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ เพราะอย่างน้อย ๆ ปัญหานี้ก็น่าจะไม่หนักไปกว่านี้ หากไม่มีการสู้รบทางการทหารเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้

โดยนาย Siegfried Russwurm ประธานสหพันธ์อุตสาหกรรมเยอรมนี (BDI – Bundesverband der Deutschen Industrie) เปิดเผยว่า “ปัจจัยความเสี่ยงด้านความขัดแย้งทางการทหารที่อาจจะลุกลามเหมือนไฟป่านั้นยิ่งใหญ่กว่าความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับห่วงโซ่อุปทานในปัจจุบัน” เพราะนับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาปะทุขึ้น กลุ่มกบฏฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านก็ได้ออกมาโจมตีเรือเดินสมุทรในทะเลแดงหลายต่อหลายครั้ง โดยอ้างว่าเรือสินค้าเหล่านี้เกี่ยวข้องกับอิสราเอล กว่า 10 – 12% ของการค้าโลกทั้งหมดที่ดำเนินผ่านทะเลแดง โดยเฉพาะการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์มักขนส่งผ่านเส้นทางดังกล่าว ตู้สินค้าเกือบ 1 ใน 3 ของการค้าทั่วโลกจะเดินทางผ่านช่องแคบบาบุลมันดับซึ่งเป็นช่องแคบอยู่ทางใต้สุดของทะเลแดงเชื่อมระหว่างทะเลแดงกับอ่าวเอเดนในคาบสมุทรอาหรับ ปัจจุบันบริษัทเดินเรือขนาดใหญ่ได้หลีกเลี่ยงเส้นทางนี้มากขึ้น ตามข้อมูลของสถาบันเศรษฐกิจโลก (Ifw – Institut für Weltwirtschaft) เปิดเผยว่า ล่าสุดมีการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ผ่านเส้นทางทะเลแดงลดเกือบ 70% เทียบกับช่วงก่อนหน้าที่จะมีการโจมตีในทะเลแดง เมื่อเรือเดินสมุทรต้องเดินทางผ่านแหลมกู๊ดโฮปในทวีปแอฟริกา ซึ่งต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น 7 ถึง 20 วัน และมีอัตราค่าระวางเรือเพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบกับกับความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมบางประเภท โดยนาย Schmidt ผู้เชี่ยวชาญของ RWI เตือนว่า “มีแนวโน้มที่ทำความต้องการสินค้าบางประเภทลดลงอีกครั้ง” ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวได้เช่นกัน ดัชนี North Range ที่ตรวจวัดปริมาณปริมาณงานตู้คอนเทนเนอร์ในท่าเรือภาคพื้นทวีปยุโรปในทะเลเหนือที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจในเขตประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร (Euro Zone) ตอนเหนือและเยอรมนี ปรับตัวขึ้นค่อนข้างสูงในเดือนธันวาคม 2023 จาก 101.3 จุด เป็น 102.3 จุด อย่างไรก็ตาม นาย Schmidt ออกมาเตือนว่า “แม้ว่าดัชนี North Range จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรปเหนือจะปรับตัวดีขึ้นโดยอัตโนมัติ” เพราะเป็นเพียงสถานการณ์ส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นจากปรับอัตราค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นเท่านั้น

เหนือสิ่งอื่นใดพฤติกรรมการบริโภคในเยอรมนียังคงอ่อนตัวอยู่ จึงสร้างความตึงเครียดให้กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มแย่ลงไปอีก ดัชนีดัชนีประเมินค่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจระดับผู้บริหาร (Geschäftsklimaindex) โดยสถาบันเพื่อการวิจัยทางเศรษฐกิจมหาวิทยาลัยมิวนิค (Ifo – Institut für Wirtschaftsforschung an der Universität München ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขค่าดัชนี Ifo-Geschäftsklimaindex ลดลงเหลือ 85.2 จุด ในเดือนมกราคม 2024 จากเดิมที่อยู่ที่ 86.3 จุด ในเดือนธันวาคม 2023 ซึ่งอ้างอิงจากการสำรวจผู้บริหารกว่า 9,000 คน (โดยประมาณ) อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญของ Reuters คาดว่า ดัชนีทางเศรษฐกิจน่าจะอยู่ที่ 86.7 จุด ซึ่งสูงกว่าดัชนี Ifo นอกจากนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสถาบัน Ifo ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2024 ลงเหลือ 0.7% อีกด้วย นาย Clemens Fuest ประธานสถาบัน Ifo กล่าวใน Podcast ของหนังสือพิมพ์ Handelsblatt ว่า “จากข้อมูลในปัจจุบัน เราต้องขอเรียนตามตรงว่า ไม่น่าจะสามารถรักษาค่าประมาณการณ์ล่าสุดนี้ไว้ได้ เป็นไปได้ที่เศรษฐกิจเยอรมันปี 2024 อาจจะไม่เจริญเติบโตเลย”

จาก Handelsblatt 9 กุมภาพันธ์ 2567