อัตราการว่างงานฟิลิปปินส์ปี 2566 แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

 

                   สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (Philippine Statistic Authority: PSA) รายงานข้อมูลผลการสำรวจภาวะแรงงานล่าสุดในเดือนธันวาคม 2566 พบว่าลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.1 ส่งผลให้อัตราการจ้างงานในปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.3 นับเป็นการลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบเกือบสองทศวรรษ เนื่องจากมีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น โดยสรุปผลการสำรวจ ดังนี้

               -อัตราว่างงานเดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ร้อยละ 1 หรือเทียบเท่ากับมีชาวฟิลิปปินส์ว่างงาน 1.6 ล้านคน ลดลงจาก           เดือนพฤศจิกายน 2566 ที่มีอัตราว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 3.6 หรือเทียบเท่ากับมีชาวฟิลิปปินส์ว่างงาน 1.83 ล้านคน และลดลงจาก       เดือนธันวาคม 2565 ที่มีอัตราว่างอยู่ที่ร้อยละ 4.3 หรือเทียบเท่ากับมีชาวฟิลิปปินส์ว่างงาน 2.22 ล้านคน นับเป็นอัตราว่างงานที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2548 ส่งผลให้อัตราว่างงานเฉลี่ยปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 3.1 หรือเทียบเท่ากับมีชาวฟิลิปปินส์ว่างงาน 2.19 ล้านคน ลดลงจากปี 2565 ที่มีอัตราว่างงานร้อยละ 5.4 หรือเทียบเท่ากับมีชาวฟิลิปปินส์ว่างงาน 2.67 ล้านคน

                -สำหรับคุณภาพของงานในเดือนธันวาคม 2566 พบว่าอัตราของผู้ที่ทำงานต่ำกว่าระดับความรู้ความสามารถ/                   วุฒิการศึกษา (Underemployment) หรือผู้ที่มีงานทำแต่ต้องการมองหางานเพิ่มหรือเพิ่มชั่วโมงการทำงานให้นานขึ้นเพื่อหารายได้เพิ่มเติมอยู่ที่ร้อยละ 11.9 หรือเทียบเท่ากับ 6.01 ล้านคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 11.7 หรือเทียบเท่ากับ 5.79 ล้านคน แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 12.6 หรือเทียบเท่ากับ 6.2 ล้านคน ส่งผลให้อัตรา Underemployment เฉลี่ยปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 12.3 หรือเทียบเท่า 5.95 ล้านคน ลดลงจากร้อยละ 14.2 หรือเทียบเท่ากับ 6.68 ล้านคนในปี 2565

              -ขนาดกำลังแรงงาน (Size of Labor Force) ในเดือนธันวาคม 2565 อยู่ที่ 52.13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 658,000 คนในเดือนพฤศจิกายน 2566 และเพิ่มขึ้น 907,000 คน ในเดือนธันวาคม 2565 ส่งผลให้อัตราการมีส่วนร่วมของกำลังงาน (Labor Force Participation Rate: LFPR) ในเดือนธันวาคม 2566อยู่ที่ร้อยละ 66.6 ของประชากรวัยทำงานของประเทศที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป      เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 65.9 ในเดือนพฤศจิกายน 2566 และเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 66.4 ในเดือนธันวาคม 2565 สำหรับขนาดกำลังแรงงานทั้งปีในปี 2566 อยู่ที่ 50.38 ล้านคน และมีอัตรา LFPR อยู่ที่ร้อยละ 64.9 ถือเป็นอัตราที่สูงเป็นประวัติศาสตร์เช่นเดียวกัน

             -แรงงานชาวฟิลิปปินส์ทำงานเฉลี่ย 40.6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในเดือนธันวาคม 2566 เพิ่มขึ้นจาก 40.2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในเดือนพฤศจิกายน 2566 และจาก 40.3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในเดือนธันวาคม 2565

              -การจ้างภาคบริการยังเป็นแหล่งงานที่ใหญ่ที่สุดในเดือนธันวาคม 2566 คิดเป็นร้อยละ 57.3 ของตลาดแรงงานทั้งหมด      รองลงมาได้แก่ ภาคเกษตรกรรม (ร้อยละ 24.4) และภาคอุตสาหกรรม (ร้อยละ 18.3) ตามลำดับ ทั้งนี้ พบว่าการจ้างงาน                   ในภาคเกษตรกรรมมีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 89.4 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 87.9 ในเดือนพฤศจิกายน 2566 และจากร้อยละ 87.5                        ในเดือนธันวาคม 2565 นอกจากนี้ พบว่าภาคการก่อสร้างมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดในเดือนธันวาคม 2566 โดยมีจำนวนเพิ่มขึ้น 777,000 ตำแหน่ง ตามมาด้วยการเกษตรและป่าไม้ (เพิ่มขึ้น 715,000 ตำแหน่ง) และที่พักและบริการอาหาร (เพิ่มขึ้น 498,000 ตำแหน่ง) ในขณะเดียวกัน พบว่าการตกงานในเดือนธันวาคม 2566 พบว่าอยู่ในธุรกิจค้าส่งและการขายปลีกมากที่สุด (ลดลง 660,000 ตำแหน่ง) งานธุรการและการบริการสนับสนุน (ลดลง 250,000 ตำแหน่ง) และการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ลดลง 159,000 ตำแหน่ง)

            -นายแคลร์ เดนนิส เอส. มาปา ปลัดสำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ กล่าวสรุปว่า การว่างงานในเดือนธันวาคม 2566 ที่ต่ำเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นท่ามกลางการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลวันหยุด รวมถึงการบริโภคสูงขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด ส่งผลให้เกิดการสร้างงานเพิ่มเติม ขณะที่ นาย อาร์เซนิโอ เอ็ม. บาลิซากัน เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจและ         การพัฒนาแห่งชาติ (NEDA) กล่าวรู้สึกยินดีกับอัตราการว่างงานที่ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งบอกถึงโมเมนตัมที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจและความยืดหยุ่นของตลาดแรงงานของประเทศ และระบุว่ารัฐบาลจะเพิ่มการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม และปรับปรุงทุนมนุษย์เพื่อเสริมสร้างโอกาสในการจ้างงานของบุคลากรต่อไป

ที่มา: หนังสือพิมพ์ Business World

 บทวิเคราะห์และข้อคิดเห็น

-อัตราการว่างงานที่ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ดังกล่าวข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจฟิลิปปินส์มีการเติบโต และฟื้นตัวดีขึ้น        อย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการอย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยกระตุ้น ให้เกิดการจ้างงานและส่งผลให้ตลาดแรงงานกลับมาขยายตัว ทั้งนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในฟิลิปปินส์ ได้ส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยมายังฟิลิปปินส์ตามไปด้วย โดยในปี 2566 ไทยส่งออกมาฟิลิปปินส์มูลค่า 7,891.67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.06                     จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีมูลค่าส่งออก 7,440.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยสินค้าส่งออก 5 อันดับแรก ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ(+ร้อยละ 30.27) แผงวงจรไฟฟ้า (-ร้อยละ 21.89) น้ำมันสำเร็จรูป (+ร้อยละ 66.47) น้ำตาลทราย (+ร้อยละ 77.90) และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว (+ร้อยละ 0.36) ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดแรงงาน               ของฟิลิปปินส์เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไทยควรติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีผลต่อความต้องการและกำลังซื้อของผู้บริโภค      ชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องต่อความต้องการนำเข้าสินค้าต่างๆ ต่อไป

—————————————

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

กุมภาพันธ์ 2567

thThai