สเปนส่งท้ายปี 2566 ด้วยผลประกอบการภาค Food Service ดีที่สุดในรอบ 15 ปี แนวโน้มสดใส ครัวไทยโอกาสเพียบ สคต. แนะใช้ดิจิทัลและความยั่งยืนเจาะลูกค้า
ปี 2566 จบลงไปแล้วและได้กลายเป็นปีที่ดีที่สุดในรอบ 15 ปี สำหรับภาคบริการอาหารของสเปน ซึ่งรวมถึงการรับประทานในร้านอาหาร ผับ บาร์ โรงแรม บริการสั่งซื้ออาหาร การจัดเลี้ยง ฯลฯ ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด Circana และ Crest Panel พบว่ามีการบริโภค 7,210 ล้านครั้งตลอดทั้งปี เกิดการใช้จ่ายมากกว่า 41,650 ล้าน ยูโร มีทั้งการรับประทานที่ร้าน สั่งกลับบ้าน และทานที่โรงแรมหรือจุดบริการใหม่ๆ จากนวัตกรรมใหม่ๆ ฯลฯ ซึ่งแสดงถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นถึง 11%
พฤติกรรมเปลี่ยน
สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด คือ นิสัยการรับประทานแบบใหม่ การเปิดรับวัฒนธรรมการรับประทานอาหารต่างชาติของผู้บริโภคท้องถิ่นและกลุ่มนักท่องเที่ยวในสเปน กิจวัตรชีวิตใหม่ เช่นการกลับบ้านหรือการทำงานทางไกล ซึ่งเพิ่มขึ้นสองเท่าในสเปนนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ ส่งผลกระทบต่อช่องทาง โอกาส และแม้แต่ประเภทของบริการ โปรไฟล์ของผู้บริโภคในร้านอาหารก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่โควิดส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจอย่างจริงจังในช่วงปี 2563 ชาวสเปน ถูกฝึกให้ปรับพฤติกรรมการบริโภคเสียใหม่ จากเดิมไม่จำเป็นต้องอดออมนัก เปลี่ยนเป็นการบริโภคอย่างมีสติ ประหยัด รัดเข็มขัด เลือกซื้อ คิดคำนวณมากขึ้น มาจนถึงปีที่แล้วตลาดสเปนยังคงได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวหลังโควิด ประกอบดับความกังวลในการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ การใช้จ่ายจึงยังคงจำกัด แต่ในฤดูร้อนปี 2566 นับเป็นระยะที่ตลาดฟื้นตัวจากโอกาสที่สูญเสียไป ในภาคธุรกิจบริการอาหารนั้น ผู้บริโภคชาวสเปนเริ่มกลับมาใช้จ่ายกันอีกครั้ง แต่ยังคงรักษานิสัยและความถี่ในการซื้อให้คงที่ ทำให้การบริโภคในร้านอาหารมั่นคงอยู่จนถึงสิ้นปี
ร้านอาหารยังคงครองช่องทางหลัก ส่วนโรงแรม และอาหารร้อนในซุปเปอร์มาร์เกต ส่งสัญญาณมาแรง
ปัจจุบัน 83% ของการใช้จ่ายกับ Food service อยู่ในร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่มีการจัดระเบียบหรือร้านอาหารอิสระ โดยสำหรับชาวสเปนแล้ว ร้านอาหารยังคงเป็นศูนย์รวม แหล่งพบปะที่ชื่นชอบสำหรับสังสรรค์กับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ซึ่งเป็นค่าที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศเพื่อนบ้านในยุโรป ส่วนที่เหลืออีก 17% ของค่าใช้จ่ายใน Food Service ถูกจัดสรรไปยังจุดขายทางเลือกอื่น ๆ
ทางเลือกใหม่ที่โดดเด่น ได้แก่ บริการอาหารในโรงแรม ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคยุคหลังโควิด ที่ต้องทำงาน หรือเรียนทางไกล ในปีที่แล้วมีคนจำนวนมากที่นัดพบกันในร้านอาหาร ล็อบบี้ หรือโรงอาหารของโรงแรม หรือใช้ประโยชน์จากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อประชุมทางวิดีโอหรือพบปะกับเพื่อนนักเรียน จัดเลี้ยงสังสรรค์ นั่นเพราะมีพื้นหลังและบรรยากาศที่สวยงาม สะท้อนรสนิยมของผู้บริโภคแต่ละรายได้ดี บริการอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก คือ อาหารร้อนในซุปเปอร์มาร์เกต มูลค่าการซื้อขายต่อปีมากกว่า 860 ล้านยูโร
Food Delivery น่าจับตา
แม้ร้านอาหารจะเป็นสถาบันหลักในบริการด้านอาหาร แต่ขณะเดียวกัน พบว่าผู้บริโภคชาวสเปนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไป่นกัน โดยปัจจุบัน ชาวสเปนไปใช้บริการที่ร้านอาหาร 150 ครั้ง ต่อหัวต่อปี ลดน้อยลงกว่าปีก่อนหน้าโควิด 9 ครั้ง ตัวเลขล่าสุดชี้ให้เห็นว่า 32% ของการใช้จ่ายด้านอาหารเป็นการใช้จ่ายนอกสถานประกอบการโดยมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งทั้งการจัดส่ง และอาหารแบบซื้อกลับบ้านซึ่งคิดเป็น 25% ของการใช้จ่ายทั้งหมด ในปี 2566 Food Delivery สเปนปิดท้ายปีด้วยมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 2,925 ล้านยูโร ผู้บริโภคสเปนคุ้นเคยและผนวกบริการนี้ไว้ในกิจวัตรประจำวัน โดยผู้ใช้ 1 ใน 2 ของบริการยืนยันว่าพวกเขาคงรักษาหรือเพิ่มการใช้งานเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
Edurne Uranga รองประธานฝ่าย Foodservice ของ Circana กล่าวว่า “ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับช่องทาง Food Delivery เนื่องจากเราเห็นการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของช่องทางและวิธีที่ผู้บริโภคเข้าถึงคำสั่งซื้อ” ซึ่งทั้งหมดล้วนสอดคล้องตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัล นอกจากนี้ เขายังตั้งคำถามว่า “เรามาดูกันว่าในปี 2566 พวกเขาจะรักษาเสถียรภาพที่ประมาณ 43% ของการใช้จ่ายในช่องทั้งหมดได้อย่างไร โดยช่องของร้านอาหารเองก็กลับมามีน้ำหนักอีกครั้ง (ทั้งทางโทรศัพท์ สั่งซื้อและผ่านแอป/เว็บไซต์ของตนเอง) ภาพพาโนรามาใหม่นี้สามารถเปลี่ยนแปลงกระบวนการตัดสินใจที่ผู้บริโภคปฏิบัติตามอย่างรุนแรงเมื่อทำการสั่งซื้อ ซึ่งอาจหมายถึงการออกแบบใหม่และปรับใช้กลยุทธ์การสื่อสาร ข้อเสนอ และการส่งเสริมการขายที่กำลังดำเนินการอยู่ใน Food Delivery และเราไม่สามารถลืมการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของอาหารแบบซื้อกลับบ้านในสเปน Takeaway คิดเป็น 25% ของการใช้จ่ายที่เราทำใน Foodservice ในปัจจุบัน”
เทรนด์การพัฒนาที่ยั่งยืน เศรษฐกิจหมุนเวียน สีเขียว สุขภาพดี
ข้อสรุปอีกประการหนึ่งของ คือ อุตสาหกรรมร้านอาหารก็เหมือนกับภาคส่วนอื่นๆ ที่ต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและดีต่อสุขภาพ เนื่องจากรับแรงหนุนจากทั้งสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบและสังคม รวมถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค ผู้บริโภคชาวสเปนเรียกร้องจากร้านอาหารถึงมาตรการที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน สุขภาพ และความหลากหลายของอาหาร 49% ของผู้บริโภคชาวสเปนจึงมองว่าความยั่งยืนเป็นปัญหาสำคัญแม้ว่าจะไปร้านอาหารก็ตาม ซึ่งอันที่จริงแล้ว สเปนเป็นหนึ่งในประเทศในยุโรปที่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้มากที่สุด ตามหลังอิตาลีเท่านั้น ตามการศึกษาของ Circana’s Sentiments ผู้บริโภคชาวสเปนต้องการแคตตาล็อกมาตรการมากมายที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน สุขภาพ และความหลากหลายของอาหารจากร้านอาหาร
เพื่อตอบสนองผู้บริโภคและสังคม เครือร้านอาหารต่างๆ จึงมีการนำเสนอวิธีการป้องกันและการจัดการขยะอาหาร ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่สำคัญในด้านความยั่งยืนและเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน อาทิ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ ช้อนส้อม หรือกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่ง 6 ใน 10 ร้านของเครือขนาดใหญ่ มีแผนการป้องกันการสูญเสียอาหารและของเสียอยู่แล้ว และ 30% จะนำมาใช้เร็วๆ นี้
ในบรรดาทางเลือกต่างๆ การจัดการขยะอาหารที่นิยม คือ การบริจาค (48%) และการขายส่วนเรับประทานในราคาลดลง ไม่ว่าจะผ่านบุคคลที่สาม (42%) หรือในสถานประกอบการเอง (30%) ในทางกลับกัน เครือธุรกิจ 9 ใน 10 (88%) พิจารณาว่าจำเป็นต้องมีแผนในการวัดผลและลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (55% มีอยู่แล้ว และ 33% จะนำไปใช้เร็วๆ นี้) และ 8 ใน 10 (78%) ) ยังพิจารณาว่าจำเป็นต้องมีแผนในการวัดและลดปริมาณการใช้น้ำ (30% มีอยู่แล้ว 1 รายการ และ 48% จะดำเนินการในเร็วๆ นี้) นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาเมนูของตนต่อไปเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นในเรื่องสุขภาพความหลากหลายของอาหารการบริโภคอย่างมีจริยธรรม ใน ทำนองเดียวกัน 64% ของกลุ่มร้านอาหารมีแผนที่จะเพิ่มข้อเสนอที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ที่แพ้อาหาร 42% วางแผนที่จะเพิ่มทางเลือกจากพืชแทนเนื้อสัตว์และ 36% วางแผนที่จะลดผลกระทบจากแคลอรี่ในเมนูของพวกเขา
อะไรมีอิทธิพลต่อการเลือกบริโภคอาหาร
“คำแนะนำจากคนรอบตัวที่เชื่อถือได้” ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับผู้บริโภค 1 ใน 3 ในการเลือกร้านอาหารหรือบาร์ แต่ก็พบว่าแนวคิดอื่นๆ มีผลมากขึ้นเช่นกัน เช่น คุณภาพของการบริการโดยพนักงานของสถานประกอบการ ซึ่งมีความสำคัญต่อผู้บริโภคชาวสเปนถึง 15% เหนือคุณลักษณะอื่นๆ เช่น “ส่วนลดราคา” “ชอบลูก ๆ ของฉัน” หรือ “แนะนำ” โดยผู้มีอิทธิพล”
ทั้งนี้ ผู้บริโภคชาวสเปนมีความต้องการที่จะสัมผัสนวัตกรรมและประสบการณ์ใหม่ๆ ในร้านอาหารเป็นพิเศษ ดังนั้น ผู้บริโภค 6 ใน 10 คนกล่าวว่า “ฉันมักจะเลือกสถานที่ใหม่ๆ เพื่อลองสิ่งใหม่ๆ” ตามที่เปิดเผยโดยคลื่นล่าสุดของการสำรวจความรู้สึกที่เผยแพร่โดย Circana
“อุตสาหกรรมร้านอาหารจะต้องปรับปรุงประสบการณ์ของผู้บริโภคให้เหมาะสมเมื่อรับออเดอร์ด้วยการนำเสนอบริการที่มีประสิทธิภาพ ตัวเลือกการสั่งล่วงหน้าหรือสั่งตรงจุด และโปรโมชั่นที่กระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อที่สมบูรณ์” Edurne Uranga กล่าวสรุป “นอกจากนี้ จะต้องมั่นใจว่าจะรักษามาตรฐานคุณภาพสูงไว้ในคำสั่งซื้อ เช่นเดียวกับการพัฒนาตัวเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนและใช้งานได้จริงด้วยการออกแบบที่น่าดึงดูดและใช้งานได้จริง ซึ่งสามารถสร้างประสบการณ์เชิงบวกให้กับผู้บริโภคได้”
การลงทุนด้านดิจิทัล ความสำคัญของ AI และ Data
เทคโนโลยีเป็นหนึ่งในการลงทุนลำดับต้นที่ภาคร้านอาหารที่มีแบรนด์ให้ความสำคัญในปี 2567 นี้และจะถูกใช้เพื่อยกระดับความสัมพันธ์กับลูกค้าและปรับปรุงประสิทธิภาพของการบริหารร้าน
การสำรวจของ KPMG พบว่า 73% ของกลุ่มที่ถูกสำรวจ วางแผนที่จะรวมเทคโนโลยีเพื่อความเป็นส่วนตัวและความภักดีของลูกค้า การใช้งานที่โดดเด่นอื่นๆ ได้แก่ การเปลี่ยนคำสั่งซื้อจากร้านค้าเป็นดิจิทัล (52%) เข้าใจผู้บริโภคและการคาดการณ์อุปสงค์ (48%) การเพิ่มประสิทธิภาพราคาและโปรโมชั่น (45%) ระบบอัตโนมัติ (39%) และการจอง การจัดการ (36%)
ปัญญาประดิษฐ์แบบเจนเนอเรชั่น จึงเป็นเครื่องมีที่เร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลบางส่วนของ Food Service โดย 15% ของกลุ่มร้านอาหารที่สำรวจระบุว่าได้รวมเทคโนโลยีนี้เข้ากับธุรกิจของตนแล้ว ขณะที่อีก 30% วางแผนที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้เร็วๆ นี้
พวกเขาเน้นย้ำถึง “ศักยภาพพิเศษที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมีต่อการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์กับผู้บริโภค ” พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการจัดซื้อและการบริโภคในร้านอาหาร รวมถึงการปรับให้เข้ากับกลุ่มผู้บริโภคต่างๆ ตัวอย่างเช่นการจัดการสถานะบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญสำหรับผู้บริโภคอายุน้อย จะเป็นกุญแจสำคัญ ปัจจุบัน 32% เลือกสถานประกอบการร้านอาหารโดยแจ้งล่วงหน้าผ่านเครือข่าย
นอกจากนี้ การรวมแอพพลิเคชั่นใหม่เข้ากับตัวเลือกแบบดั้งเดิมที่มากขึ้นยังมีความน่าสนใจมากเช่นกัน ตัวอย่างที่ชัดเจน ผู้บริโภคที่มีอายุมากกว่า 50 ปีต้องการเข้าถึงทั้งเมนูดิจิทัลและเมนูกระดาษมากถึง 60% ไม่ได้จำกัดเฉพาะอายุคนหนุ่มสาวเท่านั้น
ที่มา : KPMG, Aral food magazine, www.profesionalhoreca.com, El País
ข้อคิดเห็นของ สคต.
อาหารเป็นจุดแข็งของภาคธุรกิจไทยไม่แตกต่างจากสเปน รวมทั้งประชาชนชาวสเปนก็นิยมการรับประทานอาหารและพบปะสังสรรค์กับเครือญาติและกลุ่มเพื่อน อีกทั้งจัดเลี้ยง ไม่น้อยกว่าชาวไทย ในอดีตสเปนค่อนข้างยึดติดกับวัฒนธรรมการรับประทานอาหารที่เข้มแข็งของตน ทำให้พื้นที่สำหรับอาหารต่างชาติมีจำกัด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะตั้งแต่หลังการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ประสบการณ์การใช้บริการด้านอาหาร การค้นคว้าหาข้อมูล โครงสร้างผู้บริโภค รสนิยมผู้บริโภค พฤติกรรมการบริโภค ประเภทอาหาร รูปแบบการบริโภค ช่องทางการบริโภค ฯลฯ แตกต่างไปอย่างมาก โดยจะเห็นได้ว่าภาคบริการด้านอาหารในสเปนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเป็นสากล ผู้บริโภคเปิดกว้างมากขึ้น เป็นโอกาสอันดีสำหรับครัวไทย ร้านอาหารไทย และสินค้าอาหารจากไทย
ลู่ทางสำหรับผู้ประกอบการไทยในตลาดสเปน อาทิ ธุรกิจร้านอาหารไทยที่มีความเป็นไทยแท้ นำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่าง การเผยแพร่ความนิยมเมนูไทยผ่านช่องทาง Food Service ต่างๆ เช่นสอนทำอาหารผ่านสื่อ Social Media ตลอดจนการให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีรับประทานอาหารไทย วิธีปรุงอาหารไทย วัตถุดิบ เครื่องปรุง และแหล่งจับจ่ายสินค้าเพื่อประกอบอาหารไทย
สคต. เห็นว่าสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยต้องให้ความสำคัญในปี 2567 คือ
- อาหารไทยที่มีคุณภาพ ทั้งด้านวัตถุดิบ รสชาติ และบริการที่เป็นเลิศ สะท้อนอัตลักษณ์ไทย เพื่อนำส่งภาพลักษณ์อันดีของประเทศ
- ประสบการณ์ที่แตกต่าง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ อาจเป็นประสบการณ์ไทยแบบสร้างสรรค์หรือไทยดั้งเดิม ไม่มีข้อจำกัด แต่ควรคง DNA ความเป็นไทย
- ประเด็นความยั่งยืน รักษ์โลก เศรษฐกิจหมุนเวียน การจัดการอาหารเหลือทิ้ง การใช้น้ำอย่างประหยัด ฯลฯ
- การนำเสนออาหารไทยในเชิงคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ คุณสมบัติของสมุนไพรและเครื่องปรุงไทย
- รูปแบบธุรกิจที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบัน เสนอทางเลือกให้ครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์
- และสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเพิ่มศักยภาพร้าน ทั้งด้านการบริหารเพื่อพัฒนาระบบการทำงานหลังบ้าน และด้านการตลาด เพื่อเจาะลูกค้าได้อย่างแม่นยำ เพิ่มการมองเห็นหรือการปรากฎตัวในโลกออนไลน์ บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า เป็นต้น
อนึ่ง ในปี 2567 สคต. กำหนดจัดทำโครงการส่งเสริมครัวไทยภายใต้ตรา Thai SELECT ผ่านผู้มีอิทธิพลในแวดวงอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งช่องทางร้านอาหาร โรงแรม และสื่อโซเชียลมีเดีย มุ่งเป้าขยายฐานการรับรู้และความนิยมอาหารไทย นำไปสู่การบริโภคสินค้าและบริการอาหารไทยที่มากขึ้น พร้อมทั้งมุ่งเป้านำเสนอสินค้าไทยจากท้องถิ่น อาทิ ชา กาแฟ เครื่องดื่มไทย สู่ตลาดสเปนกระแสหลักด้วย
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมาดริด
กุมภาพันธ์ 2567