บริษัทวิจัยตลาด Tenoris ระบุสถิติการค้าเครื่องประดับของสหรัฐฯในช่วงเทศกาลปลายปีเดือนธันวาคม 2023 เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2022 ว่า
- ยอดขายเครื่องประดับสหรัฐฯแสดงอัตราเติบโตร้อยละ 0.3 และการใช้จ่ายเงินโดยเฉลี่ยเพื่อซื้อเครื่องประดับของผู้บริโภคสหรัฐฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6
- ยอดขายของร้านเครื่องประดับที่เป็น Specialty Jewelry เติบโตเพียงร้อยละ 0.1 เชื่อว่าเป็นผลมาจากแนวโน้มของตลาดที่ได้เปลี่ยนเข้าสู่แนวคิด “less for more” ที่ผู้บริโภคลดจำนวนเครื่องประดับที่ซื้อ แต่เพิ่มวงเงินเฉลี่ยที่ใช้ซื้อ
- ยอดขายเครื่องประดับสำเร็จรูป (finished jewelry) ในภาพรวม เติบโตร้อยละ 1.1 แต่ในส่วนที่เป็นเครื่อง ประดับสำหรับเจ้าสาว (bridal jewelry) ลดลงร้อยละ 11.2
- เครื่องประดับทำด้วยทองมียอดขายและปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 และ 12 ตามลำดับ เป็นการเติบโตในทุกประเภทเครื่องประดับ นำโดยยอดขายกำไลทอง (gold bracelets) เติบโตร้อยละ 17 และเป็นการเติบโตของทุกระดับราคาสินค้ากล่าวคือ สินค้าระดับราคา 20,000 – 50,000 เหรียญฯ เติบโตร้อยละ 36 และระดับราคา 250 -500 เติบโตร้อยละ 11
แต่ Tenoris ระบุว่า ข้อมูลที่เป็นภาพรวมของตลอดทั้งปี 2023 ตลาดเครื่องประดับสหรัฐฯแสดงแนวโน้มตกต่ำ มียอดขายลดลงร้อยละ 5.8 ดังนี้
- ยอดขายสินค้าเครื่องประดับสำเร็จรูป (finished jewelry) ลดลงทั้งมูลค่าการขายและปริมาณขาย ที่ร้อยละ 3.9 และ 4 ตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของการค้าสินค้ากลุ่ม fashion jewelry และ bridal jewelry
- ยอดขายเครื่องประดับเพชร มียอดขายและปริมาณขายลดลงร้อยละ 2.8 และ 3.5 ตามลำดับ โดยเครื่องประดับจากเพชรธรรมชาติ (natural diamonds) มียอดขายและปริมาณลดลงร้อยละ 4.8 และ 5.9 เครื่องประดับจากเพชรเทียม (lab-grown diamond) มียอดขายและปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.6 และ 56.2
Tenoris ระบุปัจจัยที่ทำให้ยอดขายเครื่องประดับในตลาดสหรัฐฯในปี 2023 ลดลงว่ามาจาก
- ความสนใจของผู้บริโภคต่อสินค้าเครื่องประดับ ลดลง
- สภาวะการณ์ที่ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดการณ์ว่าเป็นต้นเหตุของแนวคิด “less for more” ที่ผู้บริโภคลดจำนวนเครื่องประดับที่ซื้อ แต่เพิ่มวงเงินเฉลี่ยที่ใช้ซื้อในแต่ละครั้ง
- ผู้บริโภคสหรัฐฯหันไปใช้เงินกับกิจกรรมการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
- ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเน้นให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นกับ “value” ของสินค้าเครื่องประดับ
Tenoris ระบุว่า สถานการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในตลาดเครื่องประดับสหรัฐฯในปี 2023 ที่มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปในปี 2024 คือ
- ศักยภาพการเติบโตของตลาดผู้บริโภคระดับกลาง (middle market)
- ตลาดเครื่องประดับเพชรเทียมกำลังอิ่มตัว ขณะที่เพชรเทียมที่มีระดับราคาต่ำมีแนวโน้มว่าจะยังคงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอยู่ต่อไป
- ความนิยมเครื่องประดับทองจะยังคงเติบโต
- แนวโน้มของความมั่นคงของความต้องการสินค้าในระดับราคาที่ผู้บริโภคสหรัฐฯพร้อมที่จะซื้อมากที่สุดคือระหว่าง 1,500 – 5,000 เหรียญฯ ที่มีส่วนแบ่งร้อยละ 36 ของยอดขายทั้งปี 2023 ทั้งนี้ สินค้าในระดับราคา 5,000 – 10,000 เหรียญฯ มีส่วนแบ่งร้อยละ 14 และระดับราคา 750 – 1,500 มีส่วนแบ่งร้อยละ 17
ที่มา: Tenoris: “US Jewelry Market 2023: Sales Down 6%, Average Sale Up 3%”, by Edahn Golan, January 8, 2024
ข้อมูลเพิ่มเติม และข้อคิดเห็น สคต ลอสแอนเจลิส
มูลค่า (ล้านเหรียญฯ) นำเข้าเครื่องประดับของสหรัฐฯ (รหัส HS7113) ในปี 2023 เท่ากับ 13,823.02 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2022 เพียงร้อยละ 0.59 และประเทศไทยเป็นแหล่งอุปทานอันดับที่ 4 รองจากอินเดีย อิตาลี และฝรั่งเศส
ส่วนใหญ่ของสินค้านำเข้าสำคัญจากประเทศไทยมีมูลค่านำเข้าลดลง สินค้าเครื่องประดับที่สหรัฐฯนำเข้าจากประเทศไทยในมูลค่าสูงสุดคือกลุ่ม เครื่องประดับทำด้วยทอง และเครื่องประดับที่ทำด้วยเงินที่มีมูลค่านำเข้าสูงกว่า 18 เหรียญฯต่อหนึ่งโหล อย่างไรก็ดี มูลค่านำเข้าของเครื่องประดับทั้งสองรายการลดลงร้อยละ 4.55 และ 20.90 ตามลำดับ การนำเข้าสร้อยคอทองคำมีมูลค่าสูงเป็นอันดับสามและมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ10.62