ผู้ประกอบการเวียดนามใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดข้าวโลกเพื่อส่งเสริมการส่งออกข้าว

ในการประชุมประจำเดือนของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า (Ministry of Industry and Trade: MoIT) พร้อมกับสำนักงานการค้าเวียดนามในต่างประเทศ ได้มีการหารือเกี่ยวกับความต้องการข้าวในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอีกทั้งยังมีราคาสูงขึ้นอีกด้วย ทางรัฐบาลเวียดนามจึงอยากให้ผู้ประกอบการใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวในปี 2567

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติเวียดนามในปี 2567 ระบุว่า ในเดือนกุมภาพันธ์การส่งออกข้าวของเวียดนามอยู่ที่ 663,209 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 โดยสร้างรายได้ 466.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ราคาส่งออกข้าวเฉลี่ยอยู่ที่ 703.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.65 จากปีก่อน กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม (MoIT) คาดการณ์ว่า ความต้องการนำเข้าข้าวของหลายประเทศมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2567 รวมถึงตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และจีน เนื่องจากการค้าข้าวทั่วโลกยังคงได้รับผลกระทบจากนโยบายของอินเดียในการระงับการส่งออกข้าวชั่วคราว อีกทั้ง สินค้าคงคลังของทั่วโลกสำหรับปีการเพาะปลูกปี 2566-2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 167.2 ล้านตัน ลดลง 8.6 ล้านตันเมื่อเทียบกับปีการเพาะปลูกก่อนหน้า ซึ่งเป็นรอบที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เวียดนามยังมีข้อได้เปรียบจากข้อตกลงการค้าเสรีกับพันธมิตร เช่น สหภาพยุโรปและเกาหลีใต้ เพื่อส่งเสริมการส่งออกข้าว ในขณะที่ตลาดที่มีศักยภาพอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ และประเทศในตะวันออกกลาง ก็มีสัญญาณเชิงบวกเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม (MoIT) จะประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ (Ministry of Foreign Affairs: MOFA) และกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท (Ministry of Agriculture and Rural Development: MARD) ในการขยายตลาดส่งออก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับอุตสาหกรรมข้าวของเวียดนาม กระทรวงฯ (MoIT) จะติดตามสถานการณ์ตลาดการค้าข้าวโลกและประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่อย่างใกล้ชิดเพื่อควบคุมการผลิตและธุรกิจข้าวของเวียดนามในเชิงรุก ส่งเสริมการค้าในรูปแบบ B2B และออนไลน์ เพื่อเพิ่มการค้าข้าวกับตลาดดั้งเดิม เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย จีน และทวีปแอฟริกา

นอกจากนั้นเวียดนามก็จะยังคงส่งเสริมการส่งออกข้าวหอมและข้าวคุณภาพสูงไปยังสหภาพยุโรป เกาหลีใต้ และอเมริกาเหนือ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม (MoIT) จะดำเนินการยุทธศาสตร์พัฒนาตลาดส่งออกข้าวของเวียดนามจนถึงปี 2573 โดยสนับสนุนให้ผู้ค้าข้าวปรับปรุงกำลังและคุณภาพการผลิต และรัฐบาลสนับสนุนข้อมูลการตลาด มุ่งหน้าเจรจาการค้าและทำข้อตกลงทางการค้าให้ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ตลอดจนจะคอยให้ความช่วยเหลือหากเกิดกรณีข้อผิดพาททางการค้าระหว่างประเทศของผู้ส่งออกเวียดนาม เพื่อลดอุปสรรคและเพื่อโอกาศในการเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนามต่อไป

(จาก https://en.vietnamplus.vn/)

ข้อคิดเห็น สคต

ในปี 2566 กรมศุลกากรเวียดนามระบุการส่งออกข้าวของเวียดนามมีปริมาณ 8.1 ล้านตัน มูลค่า 4,680 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 และ 35.3 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในปี 2566 ตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามคืออาเซียน คิดเป็นร้อยละ 61 ของการส่งออกข้าวทั้งหมดของเวียดนาม โดยมี 4.9 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 24) โดยการส่งออกที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการห้ามส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติของอินเดีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าข้าวทั่วโลก
ในปี 2567 มีการคาดการณ์ว่าเวียดนามสามารถส่งออกข้าวประมาณ 8 ล้านตัน โดย นาย Nguyen Nhu Cuong อธิบดีกรมผลิตพืชผลของเวียดนาม (Department of Crop Production) กล่าวว่า ในแผนการผลิตปี 2567 อุตสาหกรรมเกษตรยังคงตั้งเป้าที่จะรักษาพื้นที่เพาะปลูกข้าวไว้ที่ 44.3 ล้านไร่ โดยมีผลผลิตข้าวมากกว่า 43 ล้านตัน ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงของไทย ที่จะต้องรักษาอันดับการเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลกเพราะตัวเลขการส่งออกข้าวเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อาจส่งผลต่อการแข่งขันตลาดข้าวของไทยในประเทศต่างๆ

 

 

thThai