เมื่อวันพุธที่ผ่านมารัฐมนตรีคลัง (นายเจเรมี ฮันท์) ได้แถลงนโยบายการคลังช่วงฤดูใบไม้ผลิ (Spring Budget) ต่อรัฐบาล ซึ่งจะเป็นนโยบายการคลังที่รัฐบาลประกาศก่อนจะมีการเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ทั้งนี้ Spring Budget เป็นการประกาศนโยบายทางภาษีและแผนการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงปีงบประมาณหน้าซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร

ในภาพรวม Spring Budget ที่นายเจเรมีได้ประกาศมีการนโยบายโดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น และคาดว่าหนี้สินจะลดลง โดยมีนโยบายด้านการจัดเก็บภาษีเงินได้ที่จัดเก็บผ่าน National Insurance (NI) จากเดิม 10% เหลือเพียง 8% ในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้มีรายได้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น 250-750 ปอนด์ต่อปี นอกจากนี้ภาครัฐยังจะขยายการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ ผู้รับการช่วยเหลือ ผู้รับเงินเกษียณ (pensioner) และผู้พิการ (disabilities) ที่ได้รับผลกระทบจากค่าพลังงานที่สูงขึ้น รวมถึงการลดภาษีน้ำมันรถยนต์ที่คาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายผู้ใช้รถยนต์ได้ประมาณปีละ 50 ปอนด์  ในทางกลับกันรัฐบาลประกาศเรียกเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้า (vaping) โดยจะมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม 2026 และจะเรียกเก็บภาษีบุหรี่เพิ่มขึ้นเพื่อให้บุหรี่ยังคงมีราคาสูงกว่าบุหรี่ไฟฟ้า ในขณะที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะยังคงอัตราเดิมจนถึงกุมภาพันธ์ปีหน้า

ในขณะที่มีการประกาศลดการจัดเก็บภาษี NI ลง 2% หลายภาคส่วนเห็นว่าไม่น่าจะส่งผลให้ผู้มีรายได้มีเงินเก็บมากขึ้น เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น เช่น ค่าอาหารที่สูงขึ้น 25% ค่าเช่าเพิ่มสูงขึ้น 10% และภาระดอกเบี้ยจำนองที่เพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยครัวเรือนละ 240 ปอนด์ต่อเดือน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนมีเงินสำหรับใช้จ่ายลดลง ในขณะที่ภาคท้องถิ่นที่มีการจัดเก็บภาษีที่อยู่อาศัย (Council Tax) หลายแห่งประสบปัญหากับการให้บริการ social care ซึ่งมีแนวโน้มเรียกเก็บเพิ่มขึ้นมากถึง 4.99% ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ประชาชนต้องจ่ายเพิ่มขึ้น

ที่มา: The Independent/The Guardian/BBC News

ข้อมูลเพิ่มเติม/ ความเห็น สคต.

สำนักงบประมาณ (Office for Budget Responsibility – OBR) คาดว่าเศรษฐกิจในสหราชอาณาจักรจะเติบโต 0.8% ในปีนี้และ 1.9% ในปีหน้า ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง และหนี้สาธารณะอาจจะสูงขึ้น 91.7% ของ GDP ในปีนี้ และคาดว่าระบบประกันสุขภาพจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 พันล้านปอนด์ในปีหน้า ทั้งนี้ การประกาศลดการจัดเก็บ NI ลงจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนวัยทำงานกว่า 29 ล้านคนทั่วประเทศ เป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านปอนด์ อย่างไรก็ตาม ค่าครองชีพที่สูงขึ้นจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรต่อไป โดยเฉพาะภาคการบริโภคที่ผู้บริโภคจะยังคงประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ สคต. เห็นว่าผู้ประกอบการไทยควรที่จะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรอย่างใกล้ชิด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้อได้ลดลง แต่ประชาชนยังคงรัดเข็มขัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมการเรื่องการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด

thThai