ตามที่สมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลของเวียดนาม (Vietnam Association of Seafood Exporters and Producers: VASEP) ระบุว่า การส่งออกอาหารทะเลของเวียดนามมีการเติบโตในเชิงบวกในไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งเป็นความหวังสำหรับอุตสาหกรรมอาหารทะเล รวมถึงผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าแปรรูป โดยการส่งออกปลาทูน่ากระป๋อง มีมูลค่ามากกว่า 196 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับปีก่อน

นาย Nguyen Thi Van Ha ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดปลาทูน่าของสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตอาหารทะเลของเวียดนาม (VASEP) กล่าวว่า ในปีนี้ ผู้ส่งออกปลาทูน่าของเวียดนามได้ขยายตลาดส่งออกตั้งแต่ต้นปี ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าที่ออกไปยังตลาดมากกว่า 80 แห่ง เพิ่มขึ้น 10 แห่งจากปีก่อน ซึ่งการส่งออกปลาทูน่าไปตลาดยุโรปและสหรัฐฯ มีการลดลงเล็กน้อย โดยในตลาดยุโรปนั้น การส่งออกปลาทูน่าของเวียดนามจะมีความแตกต่างกันในประเทศต่างๆ เช่น อิตาลีและโปแลนด์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นขณะที่ในเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ มูลค่าลดลงเล็กน้อย โปแลนด์ยังคิดเป็นเกือบร้อยละ 2 ของมูลค่าการส่งออกปลาทูน่าทั้งหมดของเวียดนาม และเป็นตลาดนำเข้าปลาทูน่ารายใหญ่อันดับ 4 ของเวียดนามในยุโรป ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2567 การส่งออกปลาทูน่าไปยังโปแลนด์เพิ่มขึ้นร้อยละ 786 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 และคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยสินค้าที่นิยมจะเป็นเนื้อทูน่าแช่แข็งและปลาทูน่ากระป๋อง นอกจากนี้ตลาดอเมริกาเหนือมีการเติบโตสูง โดยเฉพาะตลาดที่อยู่ในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership
CPTPP) ซึ่งในไตรมาสแรกของปี 2567 การส่งออกปลาทูน่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดส่งไปยังแคนาดาและชิลีเพิ่มขึ้นร้อยละ 146 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 116 ตามลำดับ

แคนาดานำเข้าเนื้อปลาทูน่าแช่แข็ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 150 และปลาทูน่ากระป๋อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม สถิติจากศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (Statistics from the International Trade Centre: ITC) แสดงให้เห็นว่าเวียดนามเป็นผู้ส่งออกปลาทูน่ารายใหญ่อันดับสามของแคนาดาในปี 2566 รองจากไทยและอิตาลี โดยปีที่แล้วการนำเข้าปลาทูน่าของแคนาดาจากผู้ส่งออกรายใหญ่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคชาวแคนาดาได้ลดการบริโภคอาหารอาหารทะเล รวมทั้งปลาทูน่าด้วย และมีแนวโน้มเปลี่ยนมาใช้อาหารจากแหล่งโปรตีนอื่นๆ ที่มีราคาต่ำกว่าแทน
(จาก https://en.vietnamplus.vn/)

ข้อคิดเห็น สคต

ปัจจุบันการส่งออกอาหารทะเล รวมทั้งการส่งออกปลาทูน่าของเวียดนามในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 มีแนวโน้มเติมโตเป็นอย่างดี โดยเพิ่มขึ้นในประเทศต่างๆ เช่น โปแลนด์ แคนาดาและโปรตุเกส เนื่องจากเวียดนามมีนโยบายส่งเสริมการส่งออกอาหารทะเลมากขึ้น โดยได้รับผลประโยชน์จากข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และ สิทธิพิเศษทางภาษี 0% ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป-เวียดนาม (The EU-Vietnam Free Trade Agreement: EVFTA) แต่ในอีกด้านหนึ่ง การส่งออกปลาทูน่าของเวียดนามไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในยุโรป จะยังคงเผชิญความยากลำบากเนื่องจากปัญหาการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, unreported and unregulated: IUU) หรือเรียกว่า กฎระเบียบ IUU ทำให้การส่งออกอาหารทะเลและปลาทูน่ากระป๋องของเวียดนามไปยังยุโรปต้องหยุดชะงักบ่อยครั้ง
หากผู้ประกอบเวียดนามไม่สามารถพิสูจน์แหล่งที่มาของสินค้าได้ ซึ่งอาจส่งผลถึงส่วนแบ่งตลาดอาหารทะเลและปลาทูน่าของเวียดนามในตลาดของยุโรป อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ได้ตกลงที่จะยกเลิกการลงโทษจากกฎระเบียบ IUU สำหรับอุตสาหกรรมประมงของเวียดนามในสิ้นเดือนเมษายนของปี 2567 ส่งผลให้ภาคประมงของเวียดนามตื่นตัว ในการรักษาอุตสากรรมอาหารทะเลให้ตรงตามกฎระเบียบของยุโรป รวมทั้งสร้างห่วงโซ่การผลิตที่ยั่งยืนและส่งออกอาหารทะเลไปยังตลาดอื่นๆ ต่อไป ซึ่งผู้ประกอบการไทยอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันในตลาดยุโรปและสหรัฐฯมากขึ้น

 

thThai