ขณะนี้หลายฝ่ายเริ่มเห็นทิศทางและอนาคตของ KaDeWe มากขึ้น เพราะจากการที่ KaDeWe เป็นห้างสรรพสินค้า Hi-ends กลางกรุงเบอร์ลินและเป็นส่วนหนึ่งของ Signa ที่เพิ่งจะถูกประกาศล้มละลายไปหมาด ๆ แล้ว โดยหนังสือพิมพ์ Handelsblatt ได้ข่าวมาจากคนวงในว่า มีความเป็นไปได้ที่ Central Group จากประเทศไทยจะเข้าถือหุ้นของกลุ่มห้าง Selfridges, KaDeWe และ Globus ในสวิสเซอร์แลนด์แทนบริษัท Signa ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา การบริหารงานภายใต้การนำของนาย René Benko ผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Signa ที่เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนหลักใน 3 กลุ่มห้างนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่ Signa ประกาศล้มละลายกลุ่มห้างเหล่านี้จะต้องถูกประกาศขายต่อไปตามกระบวนการทางกฎหมายและมีการรายงานว่า ทั้ง 3 ห้างที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะมียักษ์ใหญ่ด้านห้างค้าปลีกเครือ Central Group ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ Signa มายาวนานและเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนหลักของห้างดังกล่าวอยู่แล้วจะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นพิเศษในการเจรจาซื้อ – ขายห้างเหล่านี้ บริษัทเอกชนอื่น ๆ พร้อมกันนี้วงในยังได้ออกมาเปิดเผยอีกว่า การเข้าซื้อกิจการของ Central Group นี้ น่าจะเสร็จสิ้นในไม่ช้า และ “อาจจะสำเร็จได้ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ไม่ใช่หลายเดือนข้างหน้า” สำหรับ KaDeWe Group นั้น Central ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทที่ดำเนินงานอยู่แล้ว โดยมีสัดส่วนหุ้นที่ 50.1% นอกจากนี้ Central ก็ยังมีหุ้นส่วนใหญ่กับห้าง Selfridges อยู่แล้ว ในระหว่างที่การถือหุ้นของ Globus ทั้ง 2 ฝ่ายต่าง ก็ถือหุ้นเท่า ๆ กัน เจ้าของ Central Group ในปัจจุบันก็คือ นายทศ จิราธิวัฒน์ มหาเศรษฐีจากประเทศไทย ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารบริษัทที่แทนปู่ของเขา ที่เป็นผู้ก่อตั้งห้างในปี 2556 คาดการณ์ว่า ทรัพย์สินของตระกูลจิราธิวัฒน์มีมูลค่ารวมกันมากกว่า 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

Central Group เป็นเจ้าของเครือข่ายห้างค้าปลีกและศูนย์การค้าขนาดใหญ่จำนวนมากในเอเชีย และปัจจุบัน Central Group กำลังกลายเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจห้างสรรพสินค้าทั่วทั้งยุโรปอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครให้ความสนใจกับห้างสรรพสินค้า Galeria ซึ่งเป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้าในเครือ Signa ในขณะที่ Central Group ก็ไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ ถึงสถานะการเจรจาดังกล่าว โดยโฆษกของ Central Group กล่าวแบบกลาง ๆ ว่า “เรายังมีความประสงค์ที่จะสนับสนุนการประกอบธุรกิจและรักษาสินทรัพย์ในยุโรปของเราไว้ต่อไป” ผู้สื่อข่าวได้ขอความเห็นเรื่องดังกล่าวไปยังบริษัท Signa Retail Selection แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ โดยบริษัท Signa ได้รวมกิจกรรมห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ไว้ภายใต้บริษัทลูก Signa Retail Selection ที่ในเวลานี้ตัวบริษัทก็ประกาศล้มละลายเช่นกัน โดยข้อได้เปรียบที่จะช่วย Central ในการเจรจาเทคโอเวอร์ห้างต่าง ๆ ก็คือ Central ไม่เพียงแต่มีทางเลือกทางการเงินหนุนหลังจากตระกูลเจ้าของกิจการเท่านั้น แต่ Central ยังมีพนักงานจำนวนมากในทีมที่รู้จักตลาดยุโรป และการบริหารบริษัทห้างสรรพสินค้าเป็นอย่างดีอีกด้วย ตัวอย่างเช่น การเจรจาเทคโอเวอร์ KaDeWe สำหรับ Central ก็นำโดยนาย Sean Hill กรรมการผู้จัดการของ CGE Investments Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในยุโรปของ Central นั่นเอง สำหรับนาย Hill แล้วเขารู้จัก KaDeWe เป็นอย่างดี เพราะเขาเคยได้รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) ของ KaDeWe เมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยก่อนหน้าเขาเป็นผู้จัดการฝ่ายขยายธุรกิจ (Expansion Manager) ของบริษัท La Rinascente ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Central ในประเทศอิตาลี และเขาก็เป็นผู้ดำเนินงานด้านห้างสรรพสินค้าหรูหราดังกล่าวเป็นเวลา 4 ปีอีกด้วย

 

เพื่อให้ได้เงินมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากการขายหุ้นของบริษัท Signa บริษัท Roland Berger ที่ปรึกษาด้านการจัดการได้สร้างโบรชัวร์การขายหรูหราขึ้นมา โดยจัดตั้งกระบวนการประมูลภายใต้ชื่อรหัสว่า “Project Prestige” ขึ้นมา ซึ่งมีการโฆษณาว่า เหนือสิ่งอื่นใดในการมาเป็นเจ้าหุ้นของ Signa นั้นก็คือ ยอดการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นของ KaDeWe Group แต่ใน“Project Prestige” ก็ไม่ได้กล่าวถึงการสูญเสียรายได้จำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแต่อย่างใด และตามที่สำนักข่าว Bloomberg รายงานก่อนหน้านี้ ว่า มีผู้สนใจที่จะเข้ามาซื้อกิจการนี้มากถึง 12 ราย และกล่าวกันว่า ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า Breuninger ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ในส่วนบริษัท Selfridges Group นั้น ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในเยอรมนี แต่เป็นหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดใน Portfolio หุ้นของบริษัท สำหรับบริษัท Signa และ Central Group เข้ามาครอบครองบริษัทเมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยมูลค่า 4.5 พันล้านยูโร โดยกลุ่ม Selfridges Group มีห้างฯ จำนวน 18 แห่ง ใน สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ และในระหว่างการเข้าซื้อกิจการในครั้งนั้น นายทศ จิ-ราธิวัฒน์ได้พูดว่า เขาต้องการที่จะสร้าง “แพลตฟอร์มหรูหราแบบ Omnichannel ชั้นนำของโลกขึ้นมา” (Omnichannel คือ การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าที่หลากหลายช่องทาง และเชื่อมโยงช่องทางต่าง ๆ เข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว โดยผสมผสานช่องทางการสื่อสารทั้งออน์ไลน์ และการขายหน้าร้านเข้าด้วยกัน) นอกจากนี้ ในยุโรป Central ก็ยังเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า La Rinascente ในอิตาลีและ Illum ในเดนมาร์กอีกด้วย คนสนิทของจิราธิวัฒน์เล่าว่า เขาเป็นผู้ประกอบการที่มุ่งมั่นในระยะยาว นายทศ จิ-ราธิวัฒน์เองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลยที่เขาถอนตัวจากการลงทุน ด้วยการล้มละลายของ Signa เขาจึงเห็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจของเขาออกไปอีก สำหรับ Selfridges นั้นมีแนวโน้มที่เขาจะรักษา กองทุน PIF กองทุนเพื่อการลงทุนจากประเทศซาอุดิอาระเบียไว้เป็นหุ้นส่วน ตามแวดวงธุรกิจแจ้งว่า นาย Benko ผู้ก่อตั้ง Signa ได้ขอการสนับสนุนจากกองทุนดังกล่าว น่าจะมีข้อตกลงกันในระดับหนึ่ง โดย PIF สามารถเข้าถึงหุ้นได้ 1 ใน 4 ของ Selfridges และสามารถขยายส่วนแบ่งนี้ได้ อย่างไรก็ตามหุ้นส่วนใหญ่ของห้างจะยังอยู่กับ Central อยู่ดี

 

ในขณะที่ การเทคโอเวอร์ห้างสรรพสินค้าหรูจากอาณาจักร Signa กำลังจะสิ้นสุดลง แต่ปัญหาของห้าง Galeria Karstadt Kaufhof ไม่มีแนวโน้มที่จะจบลงง่าย ๆ ผู้ดำเนินการห้างสรรพสินค้าก็มีแนวโน้มที่จะต้องปิดห้างจำนวนมาก นาย Stefan Denkhaus ผู้บริหารเรื่องการล้มละลายของบริษัทกำลังอยู่ในการเจรจาขั้นสุดท้ายกับผู้ประมูล 2 ราย ที่ต้องการเข้าครอบครองสาขา “60 บวก X” เท่านั้น แต่จนถึงปัจจุบันมีห้าง Galeria Karstadt Kaufhof ทั้งหมดถึง 92 แห่ง ผู้บริหารเรื่องการล้มละลายยืนยันว่า เป็นอย่างช้าที่สุดการขายบริษัทซึ่งไม่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเองอีกต่อไป ควรจะแล้วเสร็จภายในช่วงสิ้นเดือนเมษายน 2567 เขาไม่แจ้งให้ทราบว่าใครคือ นักลงทุนที่ยื่นข้อเสนอดังกล่าว นาย Denkhaus เน้นย้ำว่า “สิ่งสำคัญสำหรับเราคือ พวกเขาควรที่จะมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากพอที่จะสามารถนำ Galeria ไปสู่อนาคตที่ดีได้” จากข้อมูลของแวดวงภายในแจ้งว่า ผู้ที่บริหารเรื่องการล้มละลายของบริษัทชื่นชอบคือ Droege Group ซึ่งมีฐานอยู่ในเมือง Düsseldorf ซึ่งนอกจากบริษัท Droege Group เป็นเจ้าของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซหลายแห่งแล้ว ยังเป็นเจ้าของเครือข่ายร้านหนังสือ Weltbild อีกด้วย ในช่วงแรกบริษัท Droege มีความประสงค์ที่จะครอบครองห้างไม่เกิน 30 แห่ง เท่านั้น แต่ต่อมาถูกชักชวนให้ยื่นข้อเสนอสำหรับแพ็คเกจ 60 – 70 แห่งด้วย เมื่อ Droege ถูกถามสอบถาม โฆษกหญิงของ Droege กล่าวว่า โดยทั่วไปบริษัทจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “ข่าวลือและการเก็งกำไรในตลาด” แต่อย่างใด

 

จาก Handelsblatt 15 เมษายน 2567

thThai