ภาคธุรกิจส่งเสียงมากยิ่งขึ้น หลังการเลือกตั้งท้องถิ่นในตุรกี

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ตุรกีได้มีการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นขึ้น โดยมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมากกว่า 61 ล้านคน ซึ่งผู้ที่ได้รับเลือกในการเลือกตั้งท้องถิ่นรอบนี้ จะมีวาระนานถึง 5 ปี มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครลงแข่งขันกว่า 30 พรรคการเมือง และมีคูหาทั่วประเทศมากกว่า 2 แสนคูหาเลือกตั้ง เป็นที่น่าสนใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้มีวัยรุ่นกลุ่มที่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกมากกว่า 1 ล้านคน และในภาคธุรกิจเองเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจกลับมาให้ความสำคัญกับเรื่องการแก้ไขและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น หลังจากที่มีการเลือกตั้งใหญ่ถึง 2 ครั้ง ในช่วงเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา และหลังจากนี้ไปอีก 4 ปี จะไม่มีการเลือกตั้งใดๆ อีก

 

ทั้งนี้ ภายหลังจากการเลือกตั้ง หลายภาคส่วนออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งและอนาคตทางเศรษฐกิจไว้อย่างหลากหลาย อาทิ

 

นาย Rifat Hisarciklioglu ประธานหอการค้าและตลาดหลักทรัพย์ของตุรกี ได้แสดงความเห็นว่า “4 ปี ต่อจากนี้ที่จะไม่มีการเลือกตั้งอีก ถือเป็นโอกาสที่ดีของประเทศ” โดยเขาได้กล่าวต่อว่า ยังมีสิ่งต่างๆ ที่จะต้องทำในเชิงเศรษฐกิจอีกมากมาย และด้วยกำลังทั้งหมดของเราที่มี เราควรจะร่วมใจกันแก่ไขปัญหาเงินเฟ้อที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ ด้วยนโยบายทางการเงินที่มีประสิทธิภาพที่มากขึ้นนั้น จะสามารถสร้างเสถียรภาพทางการเงินของเราให้มากขึ้นการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีขั้นสูง การสนับสนุนกำลังด้านการผลิตของประเทศ รวมทั้งการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและการก้าวเดินอย่างชาญฉลาดจึงเป็นเรื่องสำคัญ

 

นาย Sakib Avdagic ประธานหอการค้านครอิสตันบูล แสดงความเห็นหลังการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมาว่า “โครงการต่างๆ เพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจควรได้รับความสนใจได้แล้ว” และเขายังกล่าวต่ออีกว่า ในมุมของโลกธุรกิจเอง ตุรกีควรมุ่งเน้นไปที่โครงการที่จะพัฒนาทางเศรษฐกิจได้แล้ว หลังจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ การปฏิรูปโครงสร้างต่างๆ หรือแม้แต่การต่อสู้กับเงินเฟ้อต่างๆ ควรมีมาตรการรับมือที่ยั่งยืนและรอบคอบด้วย และด้วยสถานการณ์ของประเทศอื่นๆ โดยรอบที่ยังคงมีสงครามหรือความขัดแย้งต่างๆ นั้น ทำให้ตุรกีกลายเป็นจุดที่มีความมั่นคงทั้งทางด้านเศรษฐกิจและประชาธิปไตย ในโลกธุรกิจเอง การลงทุน การผลิต การค้าระหว่างประเทศ จึงเป็นผลพลอยได้ที่เราได้รับไปโดยปริยาย และจะยังคงเป็นอย่างนี้ต่อไป

 

นาย Seyit Ardic ประธานสภาอุตสาหกรรมนครอังการา ได้แสดงความเห็นหลังการเลือกตั้งท้องถิ่นของตุรกีที่ผ่านมาว่า “เราควรเริ่มการปฏิรูปเชิงโครงสร้างได้แล้ว” และยังกล่าวเสริมว่า ในนามของสภาอุตสาหกรรมของอังการา เราจะยังคงทำงานเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมของเมืองหลวงและประเทศของพวกเราต่อไป  โดยจะเพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานในท้องถิ่นของพวกเรา ผมเชื่อว่าทางจังหวัดจะยังคงให้การสนับสนุนเป้าหมายของพวกเรา “จากอุตสาหกรรมของเมืองหลวง สู่เมืองหลวงของอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี” อย่างที่พวกเขาเคยสนับสนุนเรามาก่อนหน้านี้

 

นาย Gursel Baran ประธานหอการค้านครอังการา กล่าวว่า “เราควรใช้เวลาในช่วงนี้ของประเทศของเราให้เกิดประโยชน์” เขายังกล่าวเสริมว่า การพัฒนาเมืองนั้นผู้นำท้องถิ่นถือเป็นส่วนที่สำคัญของการพัฒนา หลังจากนี้ต่อไปอีก 4 ปี กว่าจะมีการเลือกตั้งอีก ฉะนั้นเราควรใช้ประโยชน์ในช่วงเวลานี้ให้เต็มที่ เพื่อเมืองและประเทศของพวกเรา เราจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาต่างๆ ที่เป็นปัญหาในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งเรื่องเงินเฟ้อ การศึกษาด้านอาชีวศึกษา การปฏิรูปด้านโครงสร้างของประเทศ  รวมไปถึงมาตรการด้านภาษี

 

นาย Nail Olpak ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กล่าวว่า “การเลือกตั้งต่างๆ จบแล้ว หลังจากนี้คือการโฟกัสที่งานของพวกเรา” ทั้งยังกล่าวต่อด้วยว่า การปฏิรูปทางด้านโครงสร้างที่จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง ในฐานะคณะกรรมการเศรษฐกิจระหว่างประเทศนั้น มีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเพิ่มกิจกรรมการทูตทางด้านการค้าของเราที่มีต่อภูมิภาคและเป็นพื้นที่สำคัญของการค้าโลก และเพื่อนำกลุ่มเอกชนที่มีประสิทธิภาพของพวกเราให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลก

 

นาย Mustafa Gultepe ประธานสภาผู้ส่งออกของตุรกี ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า “การส่งออกนั้นถือเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจตุรกี โดยนาย Mustafa เชื่อว่า 4 หลังจากนี้ ตุรกีจะสามารถบรรลุเป้าหมายการส่งออกที่ 375 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการส่งออกสินค้า และอีก 200 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการส่งออกบริการได้ ภายในปี 2571

 

นอกจากนี้ สมาคมอุตสาหกรรมและธุรกิจตุรกี แสดงความเห็นว่า การร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับหน่วยงานท้องถิ่นในช่วงภัยพิบัติที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ดี หลังจากการเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้การปฏิรูปทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ประชาธิปไตยและกระบวนการยุติธรรมนั้นจะเป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ประเทศของเรา ซึ่งจะทำให้ประเทศของเราพัฒนา ได้รับความยินยอมและเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ นาย Guler Sabanci ประธานกลุ่มบริษัท Sabanci ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของตุรกี ซึ่งมีธุรกิจหลากหลายครอบคลุมทั้งด้านยานยนต์ ธนาคาร พลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีการก่อสร้าง การศึกษาและวัฒนธรรม ฯลฯ ได้แสดงความเห็นว่า ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งท้องถิ่นล่าสุดนั้น ควรตระหนักถึงหน้าที่ของตนที่ตนได้รับเลือกเข้ามา และติดตามการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อนำมาปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนในประเทศของเรา

 

ข้อคิดเห็นจากสำนักงานฯ

การเลือกตั้งท้องถิ่นล่าสุดของตุรกีเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมานั้น เป็นการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งผลการเลือกตั้งที่ออกมานั้น อาจทำให้    พรรค AK ที่เป็นผู้นำรัฐบาลปัจจุบันต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการดำเนินนโยบายต่างๆ เนื่องจากพรรค CHP ซึ่งเป็นพรรคผู้นำฝ่ายค้านและเป็นพรรคคู่แข่งมายาวนานนั้น กลับได้รับการเลือกตั้งโดยคิดเป็นเปอร์เซ็นมากถึงร้อยละ 37.77 ในขณะที่พรรค AK นั้นได้ไปเพียงร้อยละ 35.49 ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่น่ากังวลสำหรับพรรค AK เองและเมื่อมองลงไปในผลการเลือกตั้งเป็นรายพื้นที่จะพบว่า จังหวัดใหญ่ของตุรกี กล่าวคือจังหวัดที่มีประชากรมากกว่า 7.5 แสนคนขึ้นไป ที่มีกว่า 30 จังหวัด พรรค CHP ชนะการเลือกตั้งไป 14 จังหวัด ซึ่งรวมถึงจังหวัดที่เป็นจังหวัดเศรษฐกิจหลักของประเทศ เช่น อิสตันบูล อังการา อิสเมียร์ และอันทาเลีย เป็นต้น ในขณะที่พรรค AK ชนะไปเพียง 12 จังหวัด จึงมองได้ว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักสำหรับรัฐบาลปัจจุบัน และอาจหมายความว่าปัญหาเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และปัญหาผู้อพยพ ที่เป็นปัญหาหลักๆ ของประเทศที่ประชาชนต่างส่งเสียงเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างดีและสมเหตุสมผลมากพอ จนทำให้ความน่าเชื่อถือและความนิยมต่อรัฐบาลของพรรค AK นั้นลดลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีหลัง รวมทั้งตัวผู้นำพรรค AK และประธานาธิบดีเอง ก็ได้รับความนิยมที่ลดลงอย่างมากเช่นกัน นี่จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตาดูการปรับตัวและแนวทางการดำเนินนโยบายต่างๆ ของพรรค AK ต่อจากนี้ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจที่ทุกภาคส่วนพากันตั้งความหวังว่าในช่วง 4 ปี หลังจากนี้ รัฐบาลจากพรรค AK จะสามารถแก้ปัญหาและเรียกความนิยมและคะแนนเสียงกลับมาได้หรือไม่

thThai