ทุเรียนถือว่าเป็นผลไม้ที่มีราคาสูงในตลาดจีนและเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง จากการสำรวจราคาทุเรียนพบว่ามีการปรับตัวลงจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทองไทยเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดในช่วงกลางเดือนเมษายนเป็นต้นมา รวมถึงสายพันธุ์อื่น ๆ เช่น ก้านยาว มูซานคิง และชะนี ทั้งนี้ ราคาทุเรียนที่ปรับตัวลดลงตามผลผลิตที่ออกสู่ตลาด ส่งผลให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น ประกอบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของห้างและร้านค้า กระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาซื้อทุเรียนมากขึ้น

 

ในช่วงวันหยุดแรงงาน (1 – 5 พฤษภาคม 2567) พบว่าราคาทุเรียนในตลาดจีนได้มีการปรับลดลง สาเหตุจากหลายปัจจัย อาทิ อุปทานที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ในทุกปีช่วงเดือนมีนาคม – ตุลาคมเป็นช่วงที่ตลาดทุเรียนเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนพฤษภาคม –  มิถุนายน ที่เป็นช่วงเวลาที่ผลผลิตส่งออกเข้าสู่ตลาดจีนจำนวนมาก โดยตั้งแต่เดือนเมษายนปีนี้ทุเรียนสดจำนวนมากเริ่มเข้าสู่ท้องตลาด ทำให้ปริมาณการจำหน่ายและราคาได้รับผลกระทบตามกลไกทางเศรษฐกิจ ประกอบกับห้างร้านต่าง ๆ ได้จัดโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดความต้องการซื้อ ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายมากขึ้น

 

May Day สถานการณ์ทุเรียนในตลาดจีน

May Day สถานการณ์ทุเรียนในตลาดจีน

ภาพกิจกรรมส่งเสริมการขายทุเรียนไทยของห้าง AEON ในเดือนพฤษภาคม 2567

 

แม้ว่าจากการสำรวจพบว่าส่งผลต่อผู้บริโภคบางรายที่เกิดความกังวลต่อคุณภาพทุเรียนเมื่อราคาปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี ผู้จำหน่ายต่างแสดงความเห็นว่าราคาเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจซื้อ แต่หากเกษตรกรและพ่อค้าสามารถรับประกันคุณภาพและรสชาติของทุเรียนได้ ราคาจะไม่เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการซื้อของผู้บริโภค

 

ราคาประมาณการจากการสำรวจตลาดการจำหน่ายทุเรียนในเมืองต่าง ๆ ของจีน

สถานที่จำหน่าย วันที่ ราคาต่อกิโลกรัม
ตลาดค้าส่งสินค้าเกษตร ณ เมืองหางโจว เมษายน ราคาปลีก 70 หยวน (350 บาท)
พฤษภาคม ราคาปลีก 60 หยวน (300 บาท)
ราคาส่ง 60 หยวน (300 บาท)

ราคาส่งยกกล่อง 52 หยวน (260 บาท)

ร้านขายผลไม้แฟรนไชส์ ณ เมืองหางโจว เมษายน หมอนทองไทย

ราคาปลีก 120 หยวน (600 บาท)

ชะนีไทย

ราคาปลีก 100 หยวน (500 บาท)

พฤษภาคม หมอนทองไทย

ราคาปลีก 70 หยวน (350 บาท) ถึง

ราคาปลีก 90 หยวน (450 บาท)

ชะนีไทย

ราคาปลีก 77.8 หยวน (389 บาท)

ซุปเปอร์มาเก็ต ณ กรุงปักกิ่ง มีนาคม หมอนทองไทย

ราคาปลีก 120 หยวน (600 บาท)

พฤษภาคม ก้านยาวไทย

ราคาปลีก 60 หยวน (300 บาท)

หมอนทองไทย

ราคาปลีก 69.8 หยวน (299 บาท)

ร้านแผงลอย ณ ตลาดกวางสี พฤษภาคม ราคาปลีก 100 หยวน (500 บาท)
แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ พฤษภาคม ทุเรียนหมอนทองแช่แข็ง ขนาด 300 กรัม ราคาเฉลี่ย 33-50 หยวน (165-250 บาท)

 

สถานการณ์ทุเรียนในจีน

 

ประเทศจีนเป็นตลาดบริโภคทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และทุเรียนได้กลายเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีปริมาณการนำเข้าสูงสุดของจีนตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าประกอบกับค่าขนส่ง ทำให้ระดับราคาขายทุเรียนในจีนมีราคาสูงมาเป็นเวลานานแล้ว ราคาขึ้นลงของทุเรียนจึงส่งผลกระทบต่อความต้องการผู้บริโภคในวงกว้างโดยตรง จากสถิติในปี 2566 จีนนำเข้าทุเรียนสูงเป็นอันดับหนึ่งของมูลค่าการนำเข้าผลไม้ของจีน โดยมีมูลค่าถึง 6,699 ล้านเหรียญสหรัฐ (เติบโตร้อยละ 66.16 จากปีก่อน) มีปริมาณการนำเข้าถึง 1.42 ล้านตัน (เติบโตร้อยละ 72.78 จากปีก่อน) โดยทั้งปริมาณและมูลค่าเติบโตเกือบ 3 เท่า เมื่อเทียบจากปี 2563 โดยปริมาณนำเข้าจากคู่ค้าหลัก ได้แก่ ไทย ร้อยละ 65.19 และ เวียดนาม ร้อยละ 34.55 โดยผลิตของไทยจะออกสู่ตลาดช้ากว่าเวียดนาม ส่งผลให้ตัวเลขการนำเข้าทุเรียนจากประเทศเวียดนามสูงกว่าไทยเพียงบางช่วงเท่านั้น แต่โดยภาพรวมทั้งปี 2566 ไทยยังคงเป็นแชมป์การส่งออกทุเรียนในตลาดจีน

 

May Day สถานการณ์ทุเรียนในตลาดจีน

 

ต้นทุนการขนส่งที่สูงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาผลไม้นำเข้า หลายปีมานี้สืบเนื่องจากอุปสงค์ทุเรียนสดโดยรวมในจีนขยายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจัยต้นทุนอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ แรงงานคนในการขนส่งและราคาน้ำมัน ที่ดันราคาทุเรียนนำเข้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากเปรียบเทียบต้นทุนการขนส่งในแต่ละรูปแบบจะพบว่า ปัจจุบันการขนส่งทางบกและทางทะเลเป็นรูปแบบการขนส่งหลัก มีต้นทุนโดยรวมค่อนข้างต่ำ แต่ระยะเวลาในการเก็บรักษาทุเรียนค่อนข้างสั้น อย่างไรก็ดี จากการสอบถามจากผู้นำเข้าพบว่ามีการขนส่งทุเรียนจากไทยผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีน (รถบรรทุก-รถไฟ-รถบรรทุก) สู่จีนตอนเหนือ สามารถย่นระยะเวลาการขนส่งลงได้อีก 2 วัน (อยู่ระหว่างไม่เกิน 5-7 วัน) ซึ่งเป็นการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยเก็บรักษาคุณภาพความสดใหม่ของทุเรียนได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี หากมีการผลักดันให้มีสายเรือที่สามารถขนส่งทุเรียนจากไทย ตรงเข้าสู่ท่าเรือจีนตอนเหนือเช่นท่าเรือชิงต่าว (โดยไม่ผ่านเมืองอื่น) จะเป็นอีกช่องทางการขนส่งที่มีศักยภาพซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขนส่งผลไม้ไทย

 

ปัจจุบันทุเรียนในตลาดจีนพึ่งพาการนำเข้า แต่ด้วยความต้องการของตลาดจีนเป็นปริมาณมาก จีนได้เลือกมณฑลไห่หนาน มณฑลกวางตุ้ง มณฑลยูนนาน และไต้หวัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่น เป็นแหล่งทดลองปลูกทุเรียน โดยนำทุเรียนพันธุ์ดีมาจากมาเลเซียมาเพาะพันธุ์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเมื่อปี 2561 มณฑลไห่หนานก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการปลูกถ่ายกิ่งต้นกล้าทุเรียน จนกระทั่งปี 2566 ทุเรียนเมืองซานย่าก็เข้าสู่ตลาดเป็นที่จับตามองของตลาด การเพาะปลูกทุเรียนในมณฑลไห่หนานมีพื้นที่กว่า 30,000 หมู่ (12,500 ไร่) มีพื้นที่ติดผลทุเรียนในไห่หนานประมาณ 1,400 หมู่ (583.33 ไร่) มีปริมาณผลผลิต 50 ตัน ในปีนี้คาดว่าจะมีพื้นที่ติดผลทุเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 หมู่ (1,666.67 ไร่) ปริมาณผลผลิต 250 ตัน โดยปัจจุบันทุเรียนจีนที่เข้าสู่ตลาดมาจากเขตนิเวศวิทยาเมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน เท่านั้น ซึ่งมีคุณภาพดี มีความได้เปรียบด้านการขนส่งสะดวก ใกล้แหล่งบริโภค สามารถรับประกันความสดและความสุก รวมถึงอุปกรณ์และเทคโนโลยีการเกษตรขั้นสูงของจีนที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม แต่ข้อเสียของมณฑลไห่หนานมีพายุไต้ฝุ่นบ่อยครั้งและฝนตกไม่สม่ำเสมอ ซึ่งจะกระทบต่อผลผลิต

 

เนื่องจากจีนกำลังอยู่ในช่วงการทดลองปลูกทุเรียน ผนวกกับการแข่งขันจากเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่กำลังมาแรง จึงคาดว่าตลาดการส่งออกทุเรียนทั่วโลกจะร้อนแรงยิ่งขึ้น และต้นทุนการส่งออกทุเรียนของเวียดนามมาถึงจีนที่ถูกกว่าไทย จึงจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันด้านราคา เมื่อเปรียบเทียบไทยกับประเทศผู้ผลิตอื่นๆ อาทิ เวียดนาม ไทยมีความได้เปรียบในด้านอุปทานที่แข็งแกร่ง คุณภาพเป็นที่ยอมรับ และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคจีนอย่างมาก จึงคาดว่าในระยะสั้นนี้ทุเรียนไทยจะยังเป็นผู้นำของตลาดทุเรียนนำเข้าของจีน

 

ความเห็นของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว

 

การจำหน่ายทุเรียนในตลาดจีนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเกือบทศวรรษที่ผ่านมานี้ โดยที่ผ่านมาพบว่าในปี 2558 มีการจำหน่ายทุเรียนเฉพาะในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการจำหน่ายทุเรียนตามท้องถนน และร้านขายผลไม้ในซอยเล็ก ๆ ตลอดจนแผงลอยตามข้างทางจนทุเรียนเป็นผลไม้ที่ชาวจีนส่วนใหญ่รู้จักเป็นอย่างดี การจำหน่ายทุเรียนในตลาดจีนส่วนใหญ่เป็นทุเรียนสด แต่อย่างไรก็ดี การจำหน่ายผลไม้สดมีปัญหาด้านระยะเวลาการจัดเก็บที่สั้น ยากต่อการขนส่ง และราคาของผลไม้สดจะค่อนข้างมีความผันผวนในตลาด ทำให้ผู้ประกอบการจึงมีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้ผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์อื่นของทุเรียนเพื่อเพิ่มยอดขายและกำไรให้มากขึ้น โดยมีการนำไปแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหารต่างๆ อย่างแพร่หลาย เช่น ขนมบัวลอย ขนมเค้ก ขนมปัง ไอศกรีม พิซซ่า และเครื่องดื่ม เป็นต้น นอกจากนี้ ปัจจุบันจีนยังสามารถปลูกทุเรียนได้บ้างแล้ว แต่ยังคงมีปริมาณผลผลิตน้อยมาก จึงยังจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยจีนมีปริมาณความต้องการบริโภคทุเรียนคิดเป็นร้อยละ 19 ของความต้องการบริโภคทุเรียนทั่วโลก อย่างไรก็ดี การผ่อนคลายกฎหมายนำเข้าของจีนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่อนุญาตนำเข้าทุเรียนสดจากเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ประกอบกับความพยายามในการปลูกทุเรียนจีน จึงทำให้การแข่งขันของตลาดทุเรียนจีนจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นสำหรับผู้ประกอบการไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจึงต้องให้ความสำคัญต่อแนวโน้มการแข่งขันในอุตสาหกรรมทุเรียนที่ขณะนี้มีคู่แข่งมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งเสริมการพัฒนา การลดต้นทุนผลิต และรักษามาตรฐานคุณภาพทุเรียนไทย การสร้างมูลค่าเพิ่ม การแปรรูปทุเรียนที่สอดคล้องกับความต้องการในตลาดจีน รวมถึงการสร้างแบรนด์ทุเรียนไทยที่มีคุณภาพสูง การประชาสัมพันธ์ความเป็นเอกลักษณ์ของทุเรียนไทย ตลอดจนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การขยายช่องทางในการทำตลาด และพัฒนาช่องทางการขนส่งที่หลากหลาย เป็นต้น เพื่อให้ทุเรียนไทยสามารถอยู่รักษาตลาดจีนให้เป็นที่นิยมได้อย่างยาวนานและยังคงครองแชมป์ผู้นำทุเรียนในตลาดจีน

 

แหล่งที่มา https://www.chinairn.com/hyzx/20240507/115109642.shtml

thThai