สถานการณ์เงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรเริ่มคลี่คลาย

สถานการณ์เงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยในเดือนเมษายนอัตราเงินเฟ้อลดเหลือ 2.3% ซึ่งนับว่าเป็นอัตราต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี รวมถึงอัตราค่าสินค้าและบริการเฟ้อที่อาจจะลดลงเหลือเพียง 2.1% ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของธนาคารกลางที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2% โดยนักวิเคราะห์มองว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ธนาคารกลางจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันมีอัตรา 5.25% ลงในรอบต่อไป
นอกจากนี้ ในช่วงปีที่ผ่านมาอัตราค่าไฟและแก๊สลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยประมาณการว่าลดลงมากถึง 27% ในขณะที่ราคาอาหารและเครื่องดื่มมีราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยน 2.9% ต่อปี แต่ยังถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นไม่มากนักนับแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2021 ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาหลายครอบครัวต้องจำกัดการใช้จ่ายโดยเฉพาะการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่หรือสินค้าที่มีราคาสูงส่งผลให้ร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ต้องลดราคาสินค้าลงเฉลี่ย 0.9% เพื่อดึงดูดผู้ซื้อ และสินค้าอื่นๆ มีราคาดลงเฉลี่ย 0.8% ในทางกลับกัน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรยังคงต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น โดยที่ผ่านมาราคาบ้านที่สูงขึ้นเป็นตัวชี้วัดสำคัญของเศรษฐกิจในสหราชอาณาจักรโดยถือว่าเป็นภาระค่าใช้จ่ายของแต่ละครัวเรือนทั้งการจ่ายภาษีเช่าซื้อ (morgate) และค่าเช่าบ้านที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจให้ความเห็นว่า ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่องอาจจะยังไม่ส่งผลต่อราคาสินค้าและบริการให้ลดลงในทันทีเนื่องจากหลายธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กต่างได้รับผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี Rishi Sunak ประกาศว่าสถานการณ์เงินเฟ้อที่ลดลงนี้นับว่าเป็นสัญญาณที่สำคัญของเศรษฐกิจที่จะนำสู่อัตราเงินเฟ้อในระดับปกติ และแสดงความมั่นใจว่านโยบายการคลังที่รัฐบาลดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเป็นผล

ข้อมูลเพิ่มเติม/ความเห็น สคต.

ถึงแม้ว่าสถานการณ์เงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรจะมีตัวเลขที่ลดลงจนเกือบเป็นที่น่าพอใจสำหรับนักเศรษฐศาสตร์และธนาคารกลางแล้ว แต่ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่ต่อเนื่องมามากกว่า 1 ปี จะยังคงส่งผลต่อการดำรงชีวิตของผู้คนโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายแต่ละครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยควรติดตามความคืบหน้าของเศรษฐกิจในสหราชอาณาจักรอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินแนวทางในการพัฒนาสินค้าและบริการให้เหมาะสมกับรสนิยมของผู้ลบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ

ที่มา: BBC News/The Guardians

 

สรุปโดย สคต. ลอนดอน

 

thThai