เยอรมนีในปัจจุบันเผชิญกับวิกฤติหนักกว่าประเทศอื่นเป็นพิเศษ โดยในรายงานด้านภาคธุรกิจบริการล่าสุดในเยอรมนีของของบริษัทให้คำปรึกษา S&P Global และธนาคาร Commercial Bank เมือง Hamburg แจ้งว่า “นักธุรกิจในประเทศเริ่มกลับมาประเมินแนวโน้มการประกอบธุรกิจเป็นเชิงบวกสูงสุดในรอบ 2 ปี และจากการสำรวจด้านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ค่าประเมินสถานการณ์ทางธุรกิจกำลังไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนอยู่ที่ 50.1 จุด ดัชนีธุรกิจบริการของเยอรมนีอยู่เหนือเกณฑ์มาตรฐานที่ 50 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา แต่ถ้าใครยังไม่เชื่อถือข่าวดีนี้ ให้ดูดัชนีประเมินค่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจระดับผู้บริหาร (Geschäftsklimaindex) โดยสถาบันเพื่อการวิจัยทางเศรษฐกิจมหาวิทยาลัยมิวนิค (Ifo – Institut für Wirtschaftsforschung an der Universität München ซึ่งเป็นการประเมินดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจโดยละเอียด ดัชนีดังกล่าวก็อยู่ในเชิงบวกเช่นกัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 เป็นต้นมาที่ดัชนีธุรกิจบริการกลับมาอยู่ในฝั่งบวก ปริมาณผู้บริหาร ที่มองเชิงบวกของกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจมีมากกว่าจำนวนผู้ที่มองเชิงลบ นั้นหมายความว่า เศรษฐกิจของประเทศเยอรมนีกำลังกับมาขยายตัวอีกครั้งแล้วจริงหรือ
ในการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ ความสำคัญทางเศรษฐกิจโดยรวมของภาคธุรกิจบริการมักจะถูกประเมินค่าไว้ต่ำ การดูตัวเลขจะเผยให้เห็นถึงความสำคัญของธุรกิจดังกล่าวมากขึ้น ตามที่กระทรวงเศรษฐกิจฯ ระบุว่า เจ้าของธุรกิจบริการเป็นผู้ว่าจ้างงานถึง 3 ใน 4 ส่วนของการจ้างงานโดยรวมของประเทศ และมีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มรวมของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ Gross Value Added (GVA) อยู่ที่70% โดยธุรกิจบริการมีความหลากหลายมาก และซึ่งทำให้มีความคาดหวังทางธุรกิจที่แตกต่างกันมากเช่นกัน จากการสำรวจของ Ifo ธุรกิจบริการแสดงให้เห็นว่า “ผู้ให้คำแนะนำด้านกฎหมายและภาษี” ตลอดจน “ผู้ตรวจสอบการเงินการบัญชี (Financial Audit)” “ผู้ให้บริการด้านตัวแทนการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการด้านธุรกิจบันเทิง” และ “ผู้ให้บริการด้านข้อมูล” ธุรกิจของพวกเขากำลังเฟื่องฟูและดำเนินไปได้ด้วยดี แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมอย่าง “ผู้ให้บริการด้านการขนส่งทางบก”“ คลังสินค้าและตัวแทนผู้ส่งออกและผู้นำเข้าสินค้า” และ “ผู้ให้บริการด้านบุคลากร” นั้นกลับแย่มาก อย่างไรก็ตามข้อมูลล่าสุดของเดือนมกราคม “ดัชนีการผลิต (Production index) ของภาคธุรกิจบริการ” ที่วัดโดยสำนักงานสถิติประจำประเทศเยอรมนี (Statistisches Bundesamt) ที่แจ้งอย่างเป็นทางการหลังจากหักค่าความแปรปรวนทางปฏิทินและฤดูกาลแล้วมีความใกล้เคียงกับมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2023 แต่สิ่งนี้จะเพียงพอหรือไม่ ที่จะทำให้เศรษฐกิจเยอรมนีก้าวออกจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้จริง ๆ
โดยนักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งก็ยังมีข้อกังขาอยู่ อย่างบริษัท Bloomberg ผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินคาดการณ์หลังจากที่ทำการสอบถามไปยังเหล่าผู้บริหารต่าง ๆ ว่า เป็นไปได้ที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เยอรมนีมีแนวโน้มที่จะหดตัว 0.1% ในไตรมาสแรกของปี และในไตรมาสที่สองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้งแต่ก็ไม่น่าจะสูงกว่าค่าที่ลดลง ถ้าโชคดีนะสิ้นปี 2024 GDP ของประเทศอาจจะไม่หดตัวลง อาจมีเลข แต่ก็อาจจำไม่เพิ่มขึ้นเลย จากการคาดการณ์ล่าสุดของรัฐบาลกลางเยอรมันคาดการณ์ว่า เป็นไปได้ที่ GDP ของประเทศจะขยายตัวขึ้น 0.3% เพราะสถานการณ์ทางธุรกิจของภาคอุตสาหกรรมยังคงแย่อยู่ และได้ดีเท่ากับกลุ่มธุรกิจบริการ ตัวเลขทางธุรกิจเองก็สามารถเป็นเครื่องพิสูจน์สถานการณ์นี้เช่นกัน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนอยู่ที่ 41.9 จุด ต่ำกว่าเกณฑ์กลางที่อยู่ที่ 50 จุดมาก ดัชนีประเมินค่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจระดับผู้บริหาร Ifo สำหรับภาคการผลิตยังคงอยู่ในเชิงลบเช่นกัน โดยเฉพาะสถานการณ์ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ และสิ่งทอ ที่สถานการณ์เลวร้ายอย่างยิ่ง ภาคการผลิตที่มีการพัฒนาตัวแตกต่างออกไปและอยู่ในเชิงบวกก็มีเพียงอุตสาหกรรมเดียวคือ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ยา ที่การประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจธดีกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างน่าประหลาดใจ
โดยรวมแล้วภาคอุตสาหกรรมยังขาดการสั่งซื้อใหม่ ๆ โดยในเดือนกุมภาพันธ์เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าปริมาณการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมปริมาณการสั่งซื้อตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 ถึงกุมภาพันธ์ 2024 สูงกว่าในช่วงสามเดือนก่อนหน้าเพียง 2.8% เท่านั้น อย่างไรก็ตามสำนักงานสถิติฯ แจ้งว่า การเพิ่มขึ้นนี้ “เกิดขึ้นเพราะมีการสั่งซื้อจำนวนมากในเดือนธันวาคม 2023 เป็นหลัก” กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากไม่มีคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเดือนธันวาคม 2023 ถึงกุมภาพันธ์ 2024 คำสั่งซื้อจะลดลง 2% เมื่อเทียบกับ 3 เดือนก่อนหน้าเลยทีเดียว จากการสำรวจสถานการณ์และการประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนกว่า 2,000 แห่งโดยสถาบันเศรษฐศาสตร์เยอรมนี (IW – das Institut der deutschen Wirtschaft) เองก็ออกมายืนยังสถานการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น และเศรษฐกิจยังไม่เจริญเติบโตอย่างเต็มที่ โดยภาคเอกชนส่วนใหญ่ยังเห็นว่า สถานการณ์ “โดยรวมยังแย่อยู่” ในช่วงสิ้นสิ้นเดือนมีนาคม 39% ของภาคเอกชนระบุว่า สถานการณ์ทางธุรกิจของตนแย่ลงกว่าปีที่ผ่านมา มีเพียงผู้ประกอบธุรกิจเพียง 18% เท่านั้นที่ระบุว่าสถานการณ์ดีขึ้น ค่าประเมินสถานกรณ์ทางเศรษฐกิจสำหรับปีนี้ปัจจุบันก็ยังแย่เช่นกัน โดย 37% คาดว่า ธุรกิจของพวกเขาน่าจะแย่ลง สำหรับปีปัจจุบันน้อยกว่า 1 ใน 4 ของบริษัทที่สำรวจที่ยังคงมีความหวังเชิงบวก นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์ของ IW ยังออกมาแสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่า แนวโน้มทางเศรฐกิจของภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจก่อสร้าง มีความย่ำแย่เป็นพิเศษ
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญของนาย Habeck รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจเน้นย้ำในรายงานประจำเดือนว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของภาคอุตสาหกรรม และในหมู่ผู้บริโภคเริ่มกลับมา “สดใสขึ้นอย่างมาก” ในเดือนกุมภาพันธ์กำลังการผลิตของภาคการผลิตขยายตัวขึ้น 2.1% โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวต่อว่า “นี่เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 2 ครั้งติดต่อกัน” สำนักงานสถิติฯ ซึ่งต้องรักษาความเป็นกลางเองก็ได้อ้างอิงข้อมูลชุดเดียวกัน และเขียนในรายงานว่า “จากการเปรียบเทียบตัวเลขทางสถิติ 3 เดือนระหว่างการผลิตเดือนธันวาคม 2023 ถึงกุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมามีความผันผวนลดลง ตัวเลขการผลิตต่ำกว่าในช่วงสามเดือนก่อนหน้า 0.5%” และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมาการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ลดลงถึง 4.9% หลังจากหักลบค่าแปรผันผ่านปฏิทินแล้ว นั้นทำให้เห็นว่า สัญญาณที่แท้จริงของการปรับตัวขึ้นทางเศรษฐกิจอาจจะดูแตกต่างออกไปจากคำกล่าวของกระทรวงฯ นอกจากนี้ยังมีอีกข้อสังเกตอีกประการหนึ่ง ที่ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจสำหรับเยอรมนีลงอีกครั้ง โดย IMF คาดการณ์ว่า ในปี 2024 การเติบโตของ GDP ของเยอรมันน่าจะอยู่ที่ 0.2% เท่านั้น ซึ่งไม่มีประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจประเทศไหนในโลกที่ต้องก้มหน้ารับข้อมูลที่เลวร้ายอย่างนี้
จาก Handelsblatt 24 พฤษภาคม 2567