Statista คาดการณ์การจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในสหรัฐฯ ปี 2567 จะมีมูลค่าประมาณ 1,240,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าน่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 8.8-10.5% นอกจากนี้ บริษัท Shipbop ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์และบริหารงานด้านออนไลน์รายใหญ่ในสหรัฐฯ ได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคสหรัฐฯ จากฐานข้อมูลของบริษัทปีที่ผ่านมาและได้คาดการณ์เทรนด์สินค้าที่น่าจะมาแรงในปี 2567 โดยสรุปได้ดังนี้

1. สินค้าเสื้อผ้า
จากข้อมูลการซื้อสินค้าออนไลน์ในปีที่ผ่านมาของ Shipbop พบว่า ชาวอเมริกันนิยมซื้อเสื้อผ้าทางออนไลน์ เฉลี่ยมากกว่า 1,700 เหรียญสหรัฐ/ครัวเรือน/ปี โดยผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าในช่วงเทศกาล Black Friday และ Cyber Monday มากที่สุด ซึ่งช่องทางออนไลน์ที่ผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้ามากที่สุด ได้แก่ Amazon, ร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์, ร้านค้าออนไลน์ของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่, ร้านค้าออนไลน์ทั่วไป, ร้านค้าออนไลน์ที่จำหน่ายอุปกรณ์กีฬา, ร้านค้าออนไลน์ที่จำหน่ายเสื้อผ้าหลายๆ แบรนด์, Ebay และร้านค้าออนไลน์เฉพาะสมาชิก ตามลำดับ

สินค้าสุดปังที่ครองใจผู้บริโภคชาวอเมริกันในปี 2567

2. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและความงาม
อุตสาหกรรมการดูแลผิวและความงามมีการเติบโตอย่างมากในสหรัฐฯ จากข้อมูลของ Statista ปี 2566 พบว่ายอดจำหน่ายสินค้าดูแลผิวและความงามทางออนไลน์มีมูลค่า 21,300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าดูแลผิวที่มียอดจำหน่ายสูงสุด ได้แก่ น้ำยาทำความสะอาดผิวหน้า (fascial cleanser) ครีมบำรุงหน้า (fascial moisturizer) และครีมชะลอวัย (facial anti-aging) ตามลำดับ นอกจากนี้สินค้าความงามที่มียอดจำหน่ายสูงสุด คือ เครื่องสำอางค์ (make up) รองลงมา คือ น้ำหอม (fragrance) และผลิตภัณฑ์บำรุงผม (Hair care) ตามลำดับ

 

แม้ว่าตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและความงามจะมีความท้าทายอย่างมากจากแบรนด์หลักในตลาด แต่ก็ยังมีโอกาสมากมายสำหรับแบรนด์ขนาดกลางและขนาดเล็กที่จะสร้างความโดดเด่นให้ประจักษ์ต่อผู้บริโภคโดยอาศัยช่องทางออนไลน์และโซเชียล ผ่านการรีวิวหรือการทดลองใช้จากผู้ใช้เพื่อส่งผ่านข้อมูลและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตลอดจนสร้างกระแสนิยมในตลาดต่อไป

 

3. น้ำหอม
บริษัท IBIS World ได้คาดการณ์ยอดจำหน่ายน้ำหอมและเครื่องสำอางค์ออนไลน์ในสหรัฐฯ ปี 2567 มีมูลค่า 12,300 ล้านเหรียญสหรัฐ น่าจะมีการขยายตัวประมาณ 1.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ความสะดวกสบายในการเข้าถึงสินค้าที่หลากหลายทางออนไลน์และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อน้ำหอมขนาดเล็กสำหรับพกพามากขึ้น นอกจากนี้ จากรายงานของผู้ขายสินค้าในฐานข้อมูลของบริษัท ShipBob พบว่า น้ำหอมเป็นสินค้าขายดีอย่างมากในช่วงเทศกาล Cyber Monday 2566 โดยผู้จำหน่ายรายใหญ่อย่าง Chanel, Yves Saint Laurent และ Dolce Gabana มียอดขายอยู่ในอันดับต้นๆ ในทางกลับกัน ผู้ผลิตน้ำหอมแบรนด์ใหม่ที่เน้นไลฟ์สไตล์ทันสมัยก็กำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภครุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน

 

4. สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง
ข้อมูลของ Globalwirenews ระบุว่า ยอดจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงทางออนไลน์ในสหรัฐฯ ปี 2566 มีมูลค่า 23,600 ล้านเหรียญสหรัฐ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 11% โดยปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวที่สำคัญ คือ จำนวนผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ข้อมูลของ Metricscart ปี 2566 แสดงให้เห็นว่า ยอดผู้เลี้ยงสัตว์ในสหรัฐฯ มีการเติบโตอย่างมาก คิดเป็น 66% ของครัวเรือนทั้งหมด หรือประมาณ 86.9 ครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยง โดยกลุ่ม Millennial มีสัดส่วนการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงมากที่สุด รองลงมา คือ กลุ่ม Gen X และกลุ่ม Baby Boomer ตามลำดับ

ปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยหนุนการเจริญเติบโตของการช้อปปิ้งออนไลน์ในกลุ่มสินค้าสัตว์เลี้ยงให้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว คือ ระบบออนไลน์ที่ทันสมัยช่วยหนุนให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่อาหาร ขนม จนถึงของเล่นและอุปกรณ์เสริมต่างๆ นอกจากนี้แล้ว ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ผู้บริโภคสามารถช้อปปิ้งบนมือถือได้ทุกที่และทุกเวลาและระบบการจัดการขนส่งที่มีประสิทธิภาพช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคได้รับของอย่างรวดเร็วที่ช่วยผลักดันการขายออนไลน์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สินค้าสุดปังที่ครองใจผู้บริโภคชาวอเมริกันในปี 2567

5. รองเท้า
บริษัท Statista ได้ทำการสำรวจชาวอเมริกัน จำนวน 10,051 ราย ในปี 2567 พบว่า กลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคในสหรัฐฯ นิยมซื้อทางออนไลน์มากที่สุดรองจากเสื้อผ้า คือ รองเท้า โดยปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญในการซื้อรองเท้าออนไลน์ คือ ราคา (84%) ข้อมูลการรีวิวจากผู้ที่เคยใช้ (78%) ภาพสินค้า (56%) และนโยบายการรับคืนสินค้า (51%)

โดยเทรนด์การจำหน่ายรองเท้าที่น่าจะมาแรงในปี 2567 ได้แก่ เทรนด์รองเท้าที่สวมใส่แล้วสบาย เช่น รองเท้าผ้าใบทรงหนา รองเท้าแตะส้นตึกและรองเท้ากีฬาที่มีสไตล์ เทรนด์ความยั่งยืนที่มีสไตล์ ความใส่ใจสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญอย่างมากกำลังมีบทบาทและน่าจะขับเคลื่อนความต้องการรองเท้าที่ยั่งยืนในตลาด ต่อไปคาดว่าจะเห็นรองเท้าที่ทำจากวัสดุ
รีไซเคิลหรือรองเท้าที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมน่าจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับอุปสงค์ในตลาด เทรนด์ของความเฉพาะส่วนบุคคล ผลักดันให้แบรนด์ต่างๆ มีการเสนอตัวเลือกให้กับผู้บริโภคเพื่อปรับแต่งสินค้าได้เอง ทั้งการเลือกสี วัสดุหรือข้อความ เพื่อทำให้รองเท้ามีความพิเศษแตกต่างจากคู่อื่นๆ ในตลาด และเทรนด์ใหม่อื่นๆ ที่น่าจะเกิดขึ้น ได้แก่ เทรนด์รองเท้าที่มีการดีไซน์แปลกตา รองเท้าเสมือนจริงที่สามารถทดลองสวมใส่ออนไลน์ได้ รองเท้าที่มีการผสมผสานด้านเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการตรวจสอบสุขภาพหรือติดตามข้อมูลนักกีฬาต่างๆ เป็นต้น

 

6. อาหารเสริมและโพรไบโอติก
จากข้อมูลของ IBIS World ปี 2566 พบว่าสหรัฐฯ มียอดจำหน่ายอาหารเสริมออนไลน์ มูลค่า 23,800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยวิตะมินมีมูลค่าสูงสุด รองลงมา คือ อาหารเสริมจากธรรมชาติพวกโพรไบโอติกและอาหารเสริมจากโปรตีน ตามลำดับ

 

โดยโพรไบโอติกเข้ามาในตลาดสหรัฐฯ ในช่วงปี 2533 ในฐานะอาหารเสริม และต่อมาได้รับความนิยมจากผู้บริโภคสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกันและระบบย่อยอาหาร ทำให้โพรไบโอติกกลายมาเป็นสินค้ายอดนิยมในสหรัฐฯ ทั้งนี้ มีการคาดว่าตลาดโพรไบโอติกในตลาดสหรัฐฯ น่าจะมีการขยายตัวเฉลี่ย 8.10% ในช่วงระหว่างปี 2566-2571 โดยอาศัยแรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z และ Millennials มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย คาดว่าจะมีส่วนช่วยในผลักดันการเติบโตของตลาดโพรไบโอติกมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

 

7. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ปี 2563 และมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของ The Business Research Company ระบุว่ายอดจำหน่ายสินค้าสำหรับทำความสะอาดรวมในสหรัฐฯ ในปี 2567 น่าจะมีมูลค่าสูงถึง 126,640 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าที่น่าจะมาแรง ได้แก่ น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ สารฆ่าเชื้อและต่อต้านเชื้อโรคบนพื้นผิวต่างๆ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากธรรมชาติและย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เป็นต้น
แม้ว่าในตลาดจะมีการแข่งขันอย่างรุนแรง แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากการสำรวจของบริษัท Nielsen พบว่า 41% ของผู้บริโภคสหรัฐฯ มีความสนใจสินค้าที่มีส่วนผสมหรือบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

8. ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ
จากข้อมูลของ EcommerceDB.com ได้มีการคาดการณ์ยอดจำหน่ายกาแฟออนไลน์ในสหรัฐฯ ปี 2567 น่าจะมีมูลค่า 1,061 ล้านเหรียญสหรัฐ และน่าจะมีการขยายตัวเฉลี่ย 4.5% ในช่วงระหว่างปี 2567-2571 โดยอาศัยแรงหนุนจากความนิยมในการบริโภคกาแฟที่เป็นกิจวัตรของชาวอเมริกันทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นแก้วกาแฟ ครีมเทียม น้ำเชื่อมหรือกาแฟชนิดต่างๆ ได้รับความนิยมอย่างแพร่ขยายในตลาด อย่างไรก็ดี ข้อมูลจาก freshcup.com ได้รายงานเทรนด์ของสินค้ากาแฟในตลาดสหรัฐฯ ปี 2567 ผู้บริโภคนิยมดื่มกาแฟในรูปแบบและรสชาติใหม่ๆ เช่น กาแฟที่ทำจากเห็ดซึ่งไม่มีคาเฟอีน แต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งกระแสนิยมดังกล่าวถูกเริ่มต้นและขับเคลื่อนจากผู้บริโภค Gen Z ผ่านทางช่องทางออนไลน์และกลายเป็นที่นิยมในมุมกว้าง

 

แนวโน้มการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกาแฟมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบและวุ่นวาย เช่น การนำเสนอบริการสมัครสมาชิกและการจัดส่งที่ชัดเจน การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นบนมือถือที่ใช้งานง่ายสามารถกับผู้ขายเพื่อทำให้การสั่งซื้อออนไลน์สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้สินค้าทางเลือกจากธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม/ชุมชน และสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เป็นต้น

 

9. เครื่องดื่ม
ตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในสหรัฐฯ เติบโตอย่างรวดเร็ว และคาดว่าเทรนด์นี้จะยังคงดำเนินต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า โดยอาศัยแรงหนุนของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่หันมาใส่ใจสุขภาพและความต้องการสินค้าทางเลือกเพื่อเข้าสังคมโดยไม่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ จากข้อมูลของ EcommerceDB.com ได้คาดการณ์การจำหน่ายเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ทางออนไลน์ในสหรัฐฯ ปี 2567 น่าจะมีมูลค่า 7,191.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และน่าจะมีการขยายตัวเฉลี่ย 9.5% ในช่วงระปี 2567-2571

 

จากข้อมูลของ ShipBob พบว่าผู้บริโภคลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลง และหันมาตามเทรนด์ด้านสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้การจำหน่ายเครื่องดื่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากฐานข้อมูลของ ShipBob ปี 2566 ยอดจำหน่ายเครื่องดื่มออนไลน์รวม มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 598% ในช่วงสุดสัปดาห์วันหยุดของฤดูกาลช้อปปิ้งทางออนไลน์ (cyber week) ของปี 2566 โดยเบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์มียอดขายเพิ่มขึ้น 19.5% ไวน์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์มียอดขายเพิ่มขึ้น 13.4% และคอกเทลที่ไม่มีแอลกอฮอล์มียอดขายเพิ่มขึ้น 88.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาช่วงเดียวกัน นอกจากนี้ เครื่องดื่มประเภทอื่นๆ เช่น เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ น้ำโซดาไม่แต่งกลิ่นสีและรสชาติ โซดาโพรไบโอติก เครื่องดื่มปราศจากน้ำตาล กาแฟเห็ดและอื่นๆ ก็กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน

 

10. ของเล่น
จากข้อมูลของ BIS World ปี 2566 พบว่าสหรัฐฯ มียอดจำหน่ายของเล่นออนไลน์ มูลค่า 32,400 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี ในปี 2567 นี้ สมาคมของเล่น (Toy Association) ได้มีการคาดการณ์เทรนด์ของเล่นที่น่าจะมาแรงในปีนี้ ได้แก่ ของเล่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากข้อมูลของ Deloitte ระบุว่ 45% ของผู้ปกครองที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปีพิจารณาเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก่อนการตัดสินใจซื้อของเล่นให้ลูก นอกจากนี้ จากการสำรวจของสมาคมของเล่นก็ยังมีผลไปในทิศทางเดียวกัน คือ ผู้ปกครองในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะคำนึงถึงผู้ผลิตของเล่นที่มีกระบวนการผลิตสินค้าที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นประการแรก ควบคู่กับความทนทานของสินค้ารองลงมา ของเล่นที่สร้างสรรจินตนาการให้เด็กๆ ของเล่นลึกลับ มหัศจรรย์และเหนือธรรมชาติจะช่วยนำพาเด็กๆ ไปสู่การค้นหาและจินตนาการใหม่ๆ นอกจากนี้การนำประโยชน์ของเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยผสมผสานจะช่วยทำให้นำเด็กๆ เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ ของเล่นที่เสริมสร้างสมรรถภาพต่างๆ ที่ได้แรงบันดาลใจในกีฬา ไม่เพียงแต่ส่งเสริมสมรรถภาพทางกายเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ การแสดงออกทางอารมณ์ที่ดีต่อสุขภาพและช่วยให้เด็กเรียนรู้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ของเล่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเกมส์หรือภาพยนตร์ต่างๆ ของเล่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกระแสโซเชียลมีเดีย วิดีโอเกมและโลกดิจิทัล น่าจะมีโอกาสที่สดใสและน่าจะขยายตัวได้อย่างมากในปี 2567 นี้ อย่างไรก็ดี EcommerceDB.com ได้มีการคาดการณ์ยอดจำหน่ายของเล่นออนไลน์ในสหรัฐฯ น่าจะมีการขยายตัวเฉลี่ย 6.4% ในช่วงระหว่างปี 2567-2571 โดยช่องทางออนไลน์ยอดนิยมที่ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ นิยมมากที่สุด ได้แก่ amazon.com target.com walmart.com ตามลำดับ

 

ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ
การจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในสหรัฐฯ เป็นช่องทางที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสสำหรับสินค้าไทยในทุกประเภทที่จะใช้โอกาสนี้ในการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจแนวโน้มและความต้องการของผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่หันมารักษาสุขภาพ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตลอดจนพฤติกรรมการใช้จ่ายที่นิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ตามเทศกาลต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญในการนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และวางกลยุทธ์การตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวอเมริกัน นอกจากนี้ การทำการตลาดโดยการเลือกใช้ Influencer ในการนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียจะเป็นการช่วยส่งเสริมให้แบรนด์สินค้าไทยเป็นที่รู้จักและนิยมในตลาดสหรัฐฯ มากขึ้นอีกด้วย

 

แหล่งที่มาของข้อมูล: Nielseniq/Statista/Shipbop/IBIS World/Globalwirenews/Metricscart/The Business Research Company/EcommerceDB.com/freshcup.com/Toy Association และสคต. นิวยอร์ก

 

 

thThai