ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดของเหลวมีแนวโน้มเป็นที่นิยมในตลาดอินเดีย มีแรงขับเคลื่อนจากการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ ทำให้การแข่งขันของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดของเหลวเพิ่มสูงขึ้นจากการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่หลายราย ทั้งในเมืองใหญ่และเมืองเล็กๆ รวมไปถึงการแข่งขันระหว่างบริษัทชั้นนำ เช่น Hindustan Unilever (HUL), ITC และคอลเกต มีแนวโน้มพัฒนาไปในทิศทางความเป็นสินค้าพรีเมียม ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผู้บริหารบริษัทชั้นนำดังกล่าว ได้กล่าวว่าผลิตภัณฑ์ชนิดผงและแบบก้อนถือว่าล้าสมัยสำหรับผู้บริโภคในปัจจุบันที่สนใจผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของเหลวมากขึ้น โดยเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคในตลาดอินเดียที่มีการใช้สบู่เหลว น้ำยาซักผ้า และน้ำยาล้างจานชนิดเหลวอย่างแพร่หลายมากขึ้น
โดยจากรายงานของ Kantar ผู้วิจัยข้อมูลทางการตลาด พบว่ามีผลิตภัณฑ์ดูแลความสะอาดสุขอนามัยและทำความสะอาดบ้านชนิดของเหลว 2 ประเภท ที่มีลูกค้ารายใหม่จำนวนมากกว่า 10 ล้านราย ในปี 2566 ได้แก่ น้ำยาปรับผ้านุ่ม และน้ำยาล้างจาน โดยมียอดผู้ใช้รายใหม่จำนวน 14 ล้านราย และ 13.1 ล้านราย คิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 13 และร้อยละ 20 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวของสินค้า FMCG ในภาพรวมที่มีอัตราร้อยละ 5
ด้วยยอดการขายของผลิตภัณฑ์ชนิดของเหลวมีอัตราเร่งและเติบโตเร็วกว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบบก้อนหรือผง โดยอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์ชนิดเหลวสูงถึงร้อยละ 50-60 เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์ชนิดผงและแบบก้อนที่มีอัตราการเติบโตเพียงเลขหลักเดียว ส่งผลให้บริษัท HUL, ITC และ Colgate-Palmolive India กำลังขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดของเหลวให้มากขึ้น รวมไปถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์สบู่เหลว และผลิตภัณฑ์ชำระล้างชนิดเหลว รวทถึงบริษัทสตาร์ทอัพและแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอื่นๆ เช่น Mamaearth, Wow, Safewash, Santoor and Wipro Consumer Care’s Chandrika และ Godrej Fab ต่างเข้าแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในตลาดอีคอมเมิร์ซ และร้านค้าปลีก เช่นเดียวกับห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตก็มีแนวโน้มปรับเปลี่ยนการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชนิดเหลวมากขึ้น เช่น Reliance Retail มีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซักผ้าประเภทน้ำยาซักผ้าเพิ่มมากขึ้นกว่าผงซักฟอก
โดย Sameer Satpathy ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขอนามัยของ ITC กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการแสวงหาผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่มีเอกลักษณ์และความแตกต่าง ซึ่งแนวโน้มนี้ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการบุกเจาะตลาดอีคอมเมิร์ซ และการพัฒนาดิจิทัล
ด้าน Rohit Jawa ผู้บริหารและกรรมการผู้จัดการของ HUL กล่าวว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มหันมาสนใจผลิตภัณฑ์ของเหลวในหมวดหมู่ต่างๆ มากขึ้น โดยมีการแข่งขันมากขึ้นในกลุ่มแบรนด์รองระดับ 2 (tier II brands) โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผ้า ซึ่งเปิดกว้างและมีผู้เล่นทั้งระดับโลก และระดับท้องถิ่นเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก โดยบริษัท HUL ได้สร้างธุรกิจผลิตภัณฑ์ชนิดเหลวคิดเป็นมูลค่าเกือบ 4 หมื่นล้านรูปีอินเดีย และได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ชนิดของเหลวแบรนด์ Surf Excel และ Vim อีกครั้ง ทำให้อัตราการขยายตัวสูงขึ้นในปีงบประมาณที่ผ่านมา
ขณะที่บริษัท ITC ส่งแบรนด์ Fiama, Dermafique, Savlon และ Nimwash เข้าสู่ตลาดเพื่อขยายตลาดผลิตภัณฑ์ชนิดเหลว
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่าบริษัท Colgate – Palmolive มีแผนจะขยายตลาดแบรนด์ Palmolive โดยเน้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย เช่น ครีมอาบน้ำ มากกว่าธุรกิจดูแลช่องปาก
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของผู้บริโภคในตลาดอินเดีย ได้แก่
- พลังในการทำความสะอาดและประสิทธิภาพ: ประสิทธิภาพของน้ำยาทำความสะอาดเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณา ประสิทธิผลในการทำความสะอาดคราบสกปรก รอยเปื้อน ฝุ่นละออง โดยไม่ต้องออกแรงมาก จึงมีการมองหาน้ำยาทำความสะอาดที่สามารถขจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี
- ความปลอดภัยและปลอดสารพิษ: ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อน้ำยาทำความสะอาดพื้น โดยทั่วไปผู้บริโภคมักเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่กับเด็ก และสัตว์เลี้ยง มักเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมีรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายจากการรับประทานหรือสูดดม ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถย่อยสลายได้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในปัจจุบัน
- กลิ่นและความหอม: กลิ่นของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมีผลต่อประสบการณ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากผู้บริโภคบางรายชอบกลิ่นที่สดชื่น สะอาด ขณะที่บางรายชอบกลิ่นธรรมชาติหรือดอกไม้ นอกจากนี้บางผลิตภัณฑ์ยังเป็นแบบไม่มีกลิ่นสำหรับผู้ที่ชอบกลิ่นกลางๆ หรือแพ้กลิ่น
- ราคา: ตลาดอินเดียให้ความสำคัญกับการพิจารณาราคาของผลิตภัณฑ์เป็นอันดับแรกก่อนจะตัดสินใจเลือกแบรนด์สินค้า
ตัวอย่างผู้เล่นหลักในตลาด ได้แก่
บริษัท | แบรนด์สินค้า |
Reckitt Benckiser (India) Ltd | Lizol, Dettol, Colin, Easy Off |
Hindustan Unilever Limited | Cif, Domex |
Dabur India Limited | Dazzle |
SC Johnson Products Pvt. Ltd | Mr. Muscle, Pledge |
Jyothy Laboratories Limited | Exo |
Venky’s (India) Limited | All Kleen |
Future Consumer Enterprise Ltd | Clean Mate |
Fena Private Limited | NIP, COP |
Herbal Strategi Pvt Ltd | Just Mop |
The Clorox Company (Clorox) | Clorox, Pine-Sol |
ภาพตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในตลาดอินเดีย
ความเห็นของสคต. ณ เมืองเจนไน
เนื่องจากผู้บริโภคอินเดียในปัจจุบันหันมาใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยมากขึ้น และมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมมากขึ้นและดีขึ้นสำหรับการดูแลรักษาบ้าน โดยเริ่มเปลี่ยนจากการใช้กรดและฟีนิลแบบดั้งเดิมในการทำความสะอาดมาใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแบรนด์ในการรักษาความสะอาดและสุขอนามัยที่ดีภายในบ้าน การเพิ่มจำนวนขึ้นของผลิตภัณฑ์ที่ทำให้หาได้ง่ายและการขยายตัวเพิ่มขึ้นของร้านค้าปลีก โดยเฉพาะในเมืองรองระดับ 2 (tier 2) และระดับ 3 (tier 3) ทำให้ตลาดภายในประเทศเติบโต
นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังมีความต้องการซื้อสินค้าทำความสะอาดผลิตภัณฑ์เฉพาะทางเพิ่มมากขึ้นด้วย อาทิ น้ำยาทำความสะอาดพื้นผิวกระจก สแตนเลส ไม้ หรือคอนกรีต เป็นต้น รวมไปถึงมีความต้องการผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ปลอดสารพิษและสารเคมีที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากวัตถุดิบธรรมชาติ อาทิ สารสกัดจากส้ม แป้งข้าวโพด สารฟอกผ้าขาวที่มีสารละลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และออกซิเจน (oxygen bleach) เบกกิ้งโซดา และแอลกอฮอล์ เป็นที่ต้องการและมีส่วนทำให้ตลาดขยายตัว
นับเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากสารเคมี รวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีคุณสมบัติเฉพาะที่จะขยายตลาดในอินเดีย แม้ว่าจะยังมีส่วนแบ่งการตลาดอีกมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดของเหลว แต่ก็พบว่ามีการแข่งขันสูงทั้งจากสินค้าแบรนด์ในประเทศ และแบรนด์ระดับโลก ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายตลาดในอินเดีย ควรหาจุดแข็งและความแตกต่างของคุณสมบัติที่โดดเด่นของผลิตภัณฑ์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคในตลาด นอกจากนี้ ในการเข้าตลาดช่วงแรกการประชาสัมพันธ์และการกำหนดราคามีความสำคัญ จึงควรมีการตรวจสอบและเทียบเคียงราคาของผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงที่มีในตลาดเพื่อวางแผนกำหนดราคา รวมถึงอาจพิจารณาใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี ASEAN-India ในการลดภาษี เพื่อให้ได้ราคาต้นทุนที่ต่ำลง โดยผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบรายการสินค้าไทยที่ได้รับสิทธิข้อตกลงการค้าเสรี ASEAN-India ได้ทางเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th
แหล่งที่มา:
- The Economic Times: “From powders to liquids: Competition heats up in liquid cleaners’ market in India – May 5, 2024