สถานการณ์ตลาดสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงประเทศเยอรมนี ปี 2566-2567

ภาพรวมตลาด

จากการรายงานของสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงเยอรมนี (IVH) ปี 2566 เปิดเผยมูลค่าการจำหน่ายสินค้าสัตว์เลี้ยงในประเทศเยอรมนีผ่านร้านค้าทั่วไปอยู่ที่ 5,616 ล้านยูโร (+9.5%) แบ่งเป็นสินค้าอาหาร 4,495 ล้านยูโร (+11.4%) และสินค้าของใช้ของเล่น 1,121 ล้านยูโร (+2.7%) หากรวมยอดขายจากช่องทางออนไลน์ (1,316 ล้านยูโร, +9.4%) และอาหารนกป่า (161 ล้านยูโร, +1.9%) แล้ว ตลาดสัตว์เลี้ยงของเยอรมันสามารถทำยอดขายในปี 2566 ได้รวมทั้งสิ้น 7,093 ล้านยูโร

สถานการณ์ตลาดสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงประเทศเยอรมนี ปี 2566-2567

มูลค่าการจำหน่ายสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงผ่านร้านค้าทั่วไป อันดับ 1 ได้แก่ อาหารแมว 2,300 ล้านยูโร (+14.4%) รองลงมา คือ อาหารสุนัข 1,972 ล้านยูโร (+9.1%) อาหารสัตว์ขนาดเล็ก 89 ล้านยูโร (-1.9%) อาหารนก 74 ล้านยูโร (+10.3%) และอาหารปลา 60 ล้านยูโร (+1.1%)

สำหรับมูลค่าการจำหน่ายสินค้าของใช้ของเล่นผ่านร้านค้าทั่วไป อันดับ 1 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัข 225 ล้านยูโร (-1.6%) รองลงมา คือ ผลิตภัณฑ์สำหรับแมว 241 ล้านยูโร (+7.3%) ทรายแมว 351 ล้านยูโร (+8.6%) นก 30 ล้านยูโร (+0.4%) ปลา 178 ล้านยูโร (-7.0%) และสัตว์ขนาดเล็ก 96 ล้านยูโร (+3.5%)

การนำเข้า-ส่งออก

สำหรับการค้าต่างประเทศอ้างตามข้อมูล Global Trade Atlas ในปี 2566 ประเทศเยอรมนีส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ 4,972 ล้านเหรียญสหรัฐ (+7.73%) คู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ โปแลนด์ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย การส่งออกสินค้าของใช้ของเล่นอยู่ที่ 242 ล้านเหรียญสหรัฐ (-10.87%) คู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา โปแลนด์

มูลค่าการนำเข้าสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ 3,377 ล้านเหรียญสหรัฐ (+2.49%) คู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ โปแลนด์ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ประเทศไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 11 การนำเข้าสินค้าของใช้ของเล่นอยู่ที่ 234 ล้านเหรียญสหรัฐ (-30.25%) คู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ จีน อินเดีย โปแลนด์ ประเทศไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 17

การนำเข้าสินค้าสัตว์เลี้ยงจากประเทศไทย

สถานการณ์ตลาดสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงประเทศเยอรมนี ปี 2566-2567

พฤติกรรมผู้บริโภค

จากผลการสำรวจประชากรสัตว์เลี้ยงของสมาคม IVH พบว่าชาวเยอรมันนิยมเลี้ยงแมวมากที่สุด คือ จำนวน 15.7 ล้านตัว สุนัข 10.5 ล้านตัว กระต่ายหรือสัตว์ขนาดเล็ก 4.6 ล้านตัว นก 3.5 ล้านตัว ปลา 2.2 ล้านตัว และสัตว์อื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 34.3 ล้านตัว

เมื่อพิจารณาปัจจัยด้านขนาดครัวเรือนพบว่า ขนาดครัวเรือนมากกว่า 3 คน นิยมมีสัตว์เลี้ยง 36% ขนาด 2 คน มี 35% และ 1 คน มีเลี้ยงสัตว์ 29% ทั้งนี้ 67% ของครอบครัวที่มีเด็กนิยมเลี้ยงสัตว์ในครัวเรือน และเมื่อแบ่งกลุ่มอายุผู้ที่นิยมมีสัตว์เลี้ยงพบว่ากลุ่ม คนอายุ 0-29 ปี นิยมมีสัตว์เลี้ยง 16%, อายุ 30-39 ปี 19%, อายุ 40-49 ปี 18%, อายุ 50-59 ปี 22% และกลุ่มคนอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป นิยมมีสัตว์เลี้ยง 25%

สำหรับพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงของชาวเยอรมันนั้น เจ้าของสัตว์เลี้ยงนิยมซื้อสินค้าอาหารสัตว์จากร้านค้าอุปโภคบริโภค (Supermarket, Discounter, Drugstore) เป็นหลัก ปีที่ผ่านมาสร้างมูลค่าได้ 2,832 ล้านยูโร (63%) ในขณะที่ร้านค้าเฉพาะทาง (Agricultural supplies, Pet store, Garden centre) มียอดจำหน่ายสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่ 1,663 ล้านยูโร (37%) ในทางกลับกัน ผลิตภัณฑ์ของใช้ของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงสามารถจำหน่ายในร้านค้าเฉพาะทางมากกว่า โดยมียอดจำหน่ายรวม 874 ล้านยูโร (78%) ส่วนในร้านค้าอุปโภคบริโภค 247 ล้านยูโร (22%)

เทรนด์สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงปี 2567

  1. ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความยั่งยืนเป็นที่ต้องการอย่างมาก ในตลาดสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงของเยอรมนี แนวโน้มผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมยังคงไม่ลดลง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมสุขภาพและการดูแลสัตว์ รวมถึงของเล่นและอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีความเป็นอยู่ที่ดี อีกทั้ง อาหารสำหรับ สัตว์เลี้ยงที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ วัตถุดิบมาจากในท้องถิ่น และผ่านกระบวนการผลิตน้อยที่สุด ไปจนถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมากขึ้น
  2. ความนิยมอาหารมังสวิรัติและอาหารเสริมของมนุษย์ มีอิทธิพลต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงเช่นกัน เมื่อมองหาแหล่งโปรตีนใหม่ ๆ บริษัทต่างๆ ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นไปที่โปรตีนจากแมลง (หนอนนกและหนอนไหม) เท่านั้น แต่ยังพิจารณาตัวเลือกอาหารวีแกนหรือมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (Flexitarian) เช่น โปรตีนจากจุลินทรีย์ที่ปราศจากส่วนผสมจากสัตว์ เป็นต้น นอกจากนี้ ตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีขนาดใหญ่และมีความหลากหลายนั้น ยังรวมถึงอาหารเสริมที่ส่งเสริมสุขภาพและบำรุงรักษาสุขภาพตามน้ำหนัก อายุ ขนาด กิจกรรม และสภาวะที่เป็นอยู่เดิมของสัตว์อีกด้วย
  3. ความชอบส่วนบุคคลและไลฟ์สไตล์ของผู้เลี้ยงได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เช่น อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ชอบเล่นกีฬา ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสำหรับกิจกรรมยามว่างร่วมกับสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นเป้อุ้มสัตว์เลี้ยง สายจูงวิ่งจ๊อกกิ้ง หรือชุดปฐมพยาบาล นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องคุณภาพและความเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้เลี้ยงยังเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในบ้าน เช่น ผลิตภัณฑ์ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่สะดวกสบายและเป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง ตู้ปลาที่มีความเป็นธรรมชาติ ตะกร้าหรือที่นอนสำหรับสุนัขและเสาลับเล็บแมวที่เข้ากับการตกแต่งของห้องและเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน อีกทั้ง เจ้าของสัตว์เลี้ยงจำนวนมากยังมองหาผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้จริงด้วย เช่น ห้องน้ำสำหรับกระต่าย อุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อจัดการกับขนของสัตว์เลี้ยง กระเป๋าสัตว์เลี้ยงที่ระบายอากาศได้ดีสำหรับใช้ในรถยนต์ เตียง/เบาะ Orthopaedic bed ตามสรีระสุนัขหรือกระต่าย ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้อย่างสะดวกสบาย และส่งเสริมสวัสดิภาพของสัตว์
  4. ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงอัจฉริยะด้วยการนำปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ ซึ่งหลายๆ แห่งมีการใช้งานมาหลายปีแล้ว เช่น จุดให้อาหาร ห้องน้ำสัตว์เลี้ยงแบบทำความสะอาดตัวเอง ตู้ควบคุมตู้ปลาอัตโนมัติ และประตูพับสำหรับแมว ทั้งนี้ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ขณะนี้เป็นแนวทางไปสู่การยกระดับดิจิทัลแบบใหม่ เช่น การจดจำด้วยการพิมพ์จมูก แอปพลิเคชัน AI ด้านสุขภาพ ประตูพับสำหรับแมวพร้อมกล้องในตัวที่สามารถระบุเหยื่อหรือสิ่งของอื่น ๆ ในปากของแมวได้ เป็นต้น

ที่มา:

Industrieverband Heimtierbedarf (IVH) e. V., Global Trade Atlas, NewMenuCom, Interzoo

 

thThai